โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง? แต่ละจุดช่วยในเรื่องอะไร?

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ (Botox) หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เป็นหัตถการความงามที่หลายคนนิยมและชื่นชอบเป็นอย่างมาก นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องการลดริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว ยังมีคุณสมบัติอีกหลายด้านที่ช่วยในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ในแต่ละจุดที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า สรุปแล้วโบท็อกซ์นั้นมีคุณสมบัติในด้านใด และสามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง? บทความนี้มีคำตอบค่ะ

โบท็อกซ์ คืออะไร?

(กราฟิก : โบท็อกซ์คืออะไร?)

โบท็อกซ์ (Botox) คือ ชื่อทางการค้าที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยของสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium Botulinum ในอดีต สารนี้ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้อคอบิดเกร็ง  กล้ามเนื้อกระตุก ตาเข หรือแม้กระทั่งบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน ปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการความงาม

เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อเป้าหมายในปริมาณที่เหมาะสม ตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) โดยไปขัดขวางการหลั่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ที่สั่งให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการคลายตัวชั่วคราว ผลลัพธ์ที่ได้คือ

  • ลดริ้วรอย ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำๆ (Dynamic Wrinkles) จะดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น
  • ลดขนาดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่จากการใช้งาน (เช่น กล้ามเนื้อกราม) เมื่อคลายตัวและทำงานน้อยลง ขนาดก็จะเล็กลงชั่วคราว ทำให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น
  • ลดการทำงานของต่อมบางชนิด เช่น ต่อมเหงื่อ ทำให้ลดเหงื่อบริเวณที่ฉีดได้

Botulinum Toxin คืออะไร?

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดได้จากแบคทีเรีย มีคุณสมบัติพิเศษในการยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่ปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับยาเกิดการคลายตัว ไม่หดเกร็ง ด้วยกลไกนี้ ในอดีตจึงมีการนำมาใช้รักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อที่มากผิดปกติ เช่น ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน กล้ามเนื้อคอบิดเกร็ง ปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง ตาเข ตาเหล่ เป็นต้น

ในด้านความงาม การที่โบทูลินั่ม ท็อกซิน ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี จึงถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ บนใบหน้า ริ้วรอยเหล่านั้นจะดูจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น หรือเมื่อฉีดเข้ากล้ามเนื้อกรามก็จะช่วยลดขนาดกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยไม่ทำลายกล้ามเนื้ออย่างถาวร และยังสามารถรับความรู้สึกต่างๆ ได้ตามปกติ

กระบวนการทำงานของโบท็อกซ์

โบท็อกซ์เป็นสารละลายใสๆ เมื่อแพทย์ฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อเป้าหมาย ตัวยาจะค่อยๆ ถูกดูดซึมและเข้าไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาทที่ส่งสัญญาณมายังกล้ามเนื้อมัดนั้น โมเลกุลของโบท็อกซ์จะเข้าไปขัดขวางกระบวนการหลั่งสารสื่อประสาทสำคัญชื่อ อะซีทิลคอลีน (Acetylcholine) ซึ่งปกติจะหลั่งออกมาเพื่อสั่งให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อสารนี้หลั่งได้น้อยลง กล้ามเนื้อที่เคยหดเกร็งก็จะค่อยๆ คลายตัวลง อ่อนแรงลงชั่วคราว

โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังฉีดภายใน 2-3 วัน (อาจรู้สึกตึงๆ หรือขยับกล้ามเนื้อได้น้อยลง) ริ้วรอยตื้นๆ จะเริ่มดูเรียบเนียนขึ้น และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ในประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับริ้วรอยลึก ผิวจะดูตึงกระชับขึ้น หลังฉีดโดยทั่วไปยังสามารถแสดงสีหน้าได้ แต่อาจไม่เกิดรอยย่นลึกเหมือนเดิม

การออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดเท่านั้น ไม่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อมัดอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป เมื่อเวลาผ่านไป (ประมาณ 4-6 เดือน) โมเลกุลของโบท็อกซ์จะค่อยๆ สลายไป กล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ จึงสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์

(กราฟิก : โบท็อกซ์ช่วยอะไร ดียังไง?)

ฉีดโบท็อกซ์ตรงไหนได้บ้าง แต่ละจุดช่วยในเรื่องใด?

โบท็อกซ์สามารถฉีดได้หลายบริเวณ เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้

โบท็อกซ์บริเวณใบหน้า

โบท็อกซ์บริเวณใบหน้า ส่วนใหญ่มุ่งเน้นการลดริ้วรอย, ปรับรูปหน้า, และยกกระชับผิว

(กราฟิก : โบท็อกซ์ฉีดตรงไหนได้บ้าง?)

โบท็อกซ์กราม

  • โบท็อกซ์กราม เป็นหัตถการที่แนะนำสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) ใหญ่ ทำให้หน้าดูกาง หรือเหลี่ยม การฉีดโบท็อกซ์บริเวณนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและมีขนาดเล็กลงชั่วคราว ส่งผลให้กรามดูเล็กลง กรอบหน้ากระชับ และใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นทางเลือกที่ช่วยปรับรูปหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และมีราคาเข้าถึงง่าย การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามมักแนะนำให้ทำควบคู่กับ โบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใบหน้าที่เรียวกระชับ เข้ารูปสวยงามยิ่งขึ้น ข้อควรระวัง: การฉีดลดกรามต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญ หากฉีดผิดพลาดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น แก้มตอบ, แก้มห้อย, ยิ้มไม่สมมาตร หรือเกิดอาการดื้อยาได้ ควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ

โบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า

  • โบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงในการช่วยยกกระชับใบหน้าส่วนล่างและลำคอ ทำให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น โดยเป็นการฉีดโบท็อกซ์ตื้นๆ เข้าไปตามแนวกรอบหน้าและลำคอ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ Platysma (กล้ามเนื้อแผ่บางๆ บริเวณลำคอที่ดึงผิวหน้าลง) เมื่อแรงดึงลงลดน้อยลง ใบหน้าส่วนล่างจึงดูยกกระชับขึ้น สามารถเห็นผลได้ชัดเจนประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด การทำร่วมกับโบท็อกซ์ลดกรามจะช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น

โบท็อกซ์หน้าผาก

  • โบท็อกซ์หน้าผาก เมื่อเราแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว มักเกิดรอยย่นบนหน้าผาก การฉีดโบท็อกซ์บริเวณหน้าผากจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้รอยย่นเหล่านี้ดูจางลง ผิวหน้าผากเรียบเนียน เต่งตึงขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง และอาจทำให้หน้าผากดูเงาขึ้นเล็กน้อย เมื่อขยับหน้าผาก จะไม่เกิดรอยพับของผิวหนังเหมือนเดิม

โบท็อกซ์หางตา (ตีนกา)

  • โบท็อกซ์หางตา (ตีนกา) ริ้วรอยบริเวณหางตา หรือ "รอยตีนกา" มักเห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น หรือเวลายิ้ม หัวเราะ ทำให้ใบหน้าดูมีอายุและไม่สดใส การฉีดโบท็อกซ์บริเวณหางตาจะช่วยคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา (Orbicularis Oculi) ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ เหล่านี้จางลง ดวงตาดูสดใสขึ้น ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ใน 2-3 วัน และชัดเจนขึ้นใน 1 สัปดาห์

โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว

  • โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว รอยขมวดคิ้ว (Glabellar Lines) เป็นอีกจุดที่ทำให้หน้าดูเคร่งเครียด หรือดูดุ การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณนี้ (เช่น Corrugator, Procerus) ทำให้รอยย่นลดลง เวลาขมวดคิ้ว กล้ามเนื้อจะไม่หดตัวแรงเหมือนเดิม ช่วยให้ใบหน้าดูผ่อนคลายขึ้น ข้อควรระวัง: บริเวณระหว่างคิ้วมีความซับซ้อนและใกล้ดวงตา การฉีดต้องทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และความระมัดระวังสูง เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น หนังตาตก

โบท็อกซ์ปีกจมูก

  • โบท็อกซ์ปีกจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปีกจมูกบานเวลายิ้มหรือพูด ซึ่งเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงปีกจมูก เช่น ไดเลเตอร์ นาริส (Dilator naris) หรือส่วนอะลาร์ของกล้ามเนื้อนาซาลิส (Alar part of Nasalis muscle) การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อมัดนี้ ทำให้เวลายิ้มหรือพูด ปีกจมูกไม่กางออกมากเท่าเดิม ช่วยให้จมูกดูเรียวเล็กลงได้เล็กน้อย

โบท็อกซ์สันจมูก

  • โบท็อกซ์สันจมูก (รัดแกนจมูก / Bunny Lines): เป็นการฉีดเพื่อลดรอยย่นเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณสันจมูกเวลาย่นจมูกหรือยิ้ม (Bunny Lines) ช่วยให้สันจมูกดูเรียบเนียนขึ้น และอาจทำให้สันจมูกดูคมชัดขึ้นเล็กน้อย สามารถทำควบคู่กับโบท็อกซ์ปีกจมูกได้

โบท็อกซ์คาง

  • โบท็อกซ์คาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางบุ๋ม หรือผิวคางดูย่นคล้ายผิวส้ม (Orange Peel Chin) เวลากล้ามเนื้อ Mentalis หดตัว การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อมัดนี้ ทำให้คางดูเรียบเนียนขึ้น (ปัจจุบันการปรับรูปคางอาจนิยมใช้ฟิลเลอร์มากกว่า แต่โบท็อกซ์ช่วยเรื่องผิวคางย่นได้)

โบท็อกซ์ยกมุมปาก

  • โบท็อกซ์ยกมุมปาก ช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีมุมปากตก ทำให้ใบหน้าดูเศร้า หรือดูบึ้งตึง โดยแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ไปยังกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง (Depressor Anguli Oris - DAO) ทำให้กล้ามเนื้อนี้คลายตัว แรงดึงลงลดลง มุมปากจึงดูยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูสดใสขึ้น เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดยกมุมปาก

โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม

  • โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม ในบางกรณีที่โหนกแก้มดูใหญ่ขึ้นเวลายิ้ม ซึ่งอาจเกิดจากกล้ามเนื้อ Zygomaticus การฉีดโบท็อกซ์บริเวณโหนกแก้ม อาจช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบางส่วน ทำให้ใบหน้าช่วงบนดูซอฟต์ลงได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่าการลดกราม และอาจทำให้การยิ้มดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด

โบท็อกซ์บริเวณร่างกาย

โบท็อกซ์บริเวณร่างกาย ใช้เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ หรือลดการทำงานของต่อมเหงื่อ

โบท็อกซ์น่อง

  • โบท็อกซ์น่อง สำหรับผู้ที่มีปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ (Gastrocnemius) ทำให้ขาดูไม่เรียวสวย การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้น่องมีขนาดเล็กลง ดูเรียวขึ้น คล้ายกับการลดกราม แพทย์จะฉีดเฉพาะบางส่วน ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินหรือยืนปกติ

โบท็อกซ์แขน

  • โบท็อกซ์แขน คล้ายกับโบท็อกซ์น่อง ใช้สำหรับลดขนาดกล้ามเนื้อต้นแขน (เช่น Biceps, Triceps) ในผู้ที่กังวลเรื่องแขนใหญ่จากกล้ามเนื้อ ทำให้แขนดูเรียวเล็กลง (หากแขนใหญ่จากไขมัน ควรใช้วิธีอื่น เช่น เมโสแฟต หรือเครื่องมือสลายไขมัน)

โบท็อกซ์ไมเกรน

  • โบท็อกซ์ไมเกรน นอกเหนือจากความงาม โบท็อกซ์ได้รับการรับรองจาก US FDA และ อย. ไทย ในการใช้เพื่อ ป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine คือปวดศีรษะมากกว่า 15 วันต่อเดือน โดยมีลักษณะไมเกรนอย่างน้อย 8 วัน) โดยแพทย์จะฉีดตามจุดต่างๆ บริเวณศีรษะและคอตามโปรโตคอลการรักษา ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

โบท็อกซ์รักแร้

  • โบท็อกซ์รักแร้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกใต้วงแขนมากผิดปกติ (Axillary Hyperhidrosis) ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวและเสียความมั่นใจ การฉีดโบท็อกซ์บริเวณรักแร้จะช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลงอย่างชัดเจน และช่วยลดกลิ่นตัวได้

โบท็อกซ์ฝ่ามือ / ฝ่าเท้า

  • โบท็อกซ์ฝ่ามือ / ฝ่าเท้า ใช้รักษาภาวะเหงื่อออกที่มือหรือเท้ามากผิดปกติ (Palmar/Plantar Hyperhidrosis) หลักการเดียวกับโบท็อกซ์รักแร้ คือช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง

ทำโปรแกรมโบท็อกซ์ที่ไหนดี?

โบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ปลอดภัยเมื่อทำอย่างถูกวิธี แต่ก็อาจมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ หากฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การเลือกคลินิกจึงสำคัญมาก

  •  เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง
  • เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ สามารถประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม แม่นยำ
  • ต้องใช้โบท็อกซ์ของแท้เท่านั้น สามารถขอดู ขตรวจสอบกล่องและขวดก่อนฉีดได้
  • มีการให้คำปรึกษาอย่างละเอียด และดูแลติดตามผลหลังทำ

(กราฟิก : รีวิวจากลูกค้าจริง)

เดอควีนส์ คลินิก คลินิกความงามที่มีทั้งสาขาเพชรบุรีและสาขาชลบุรี นำโดยคุณหมอโบว์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ในด้านการฉีดโบท็อกซ์และปรับรูปหน้า ดูแลคนไข้มาแล้วหลายเคส เราเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ของแท้จากบริษัทผู้จัดจำหน่ายโดยตรง แพทย์จะทำการเปิดกล่องใหม่และให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต่อหน้าคนไข้ก่อนทำการฉีดเสมอ ทีมแพทย์ของเรามีการศึกษาและอบรมเทคนิคใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์และปลอดภัยสำหรับคนไข้

หากสนใจหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อส่งภาพประเมินปัญหาเบื้องต้นได้ที่ Line: @dequeensclinic หมอตอบเองค่ะ