เคล็ดลับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ใบหน้าสวยธรรมชาติและผลลัพธ์ยั่งยืน

การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้เพื่อเสริมความงาม ช่วยปรับรูปหน้า และช่วยให้ใบหน้าดูเต็มอิ่ม อ่อนเยาว์ขึ้น แต่การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์นั้นก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะจะช่วยลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และส่งเสริมให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเป็นธรรมชาติและอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น

การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์มีหลายประการที่ควรใส่ใจ ตั้งแต่ข้อปฏิบัติทันทีหลังการฉีด เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีด การดูแลอาการบวมช้ำเบื้องต้น ไปจนถึงข้อควรหลีกเลี่ยงในระยะยาว เช่น การงดกิจกรรมที่ใช้ความร้อนสูง การป้องกันแสงแดด และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม

นอกจากนี้ การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ยังอาจมีความแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ฉีด เช่น ฟิลเลอร์คาง, ฟิลเลอร์ปาก, ฟิลเลอร์ขมับ, ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือฟิลเลอร์ร่องแก้ม ซึ่งแต่ละจุดอาจมีข้อควรระวังหรือวิธีการดูแลเฉพาะที่แตกต่างกัน การมีความเข้าใจในขั้นตอนการดูแลเหล่านี้จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและคงอยู่ได้นานขึ้น

ในบทความนี้ได้รวบรวมวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละช่วงเวลา, การดูแลเฉพาะจุดที่ฉีด, และข้อควรระวังต่างๆ ไว้ให้แล้ว สามารถศึกษาข้อมูล และนำไปปฏิบัติได้เลยค่ะ

• ทันทีหลังฉีด อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันในจุดที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ คำแนะนำคือ หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา หรือการกดนวด ในจุดที่ฉีด เพื่อป้องกันการปนเปื้อน และไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หากหลังจาก 3 วัน อาการยังไม่ดีขึ้น หรือบวมช้ำมากขึ้น ควรติดต่อคลินิกเพื่อปรึกษาแพทย์
• หลังฉีด 1 ชั่วโมง สามารถแกะพลาสเตอร์ปิดรอยเข็มออกได้ หากต้องการแต่งหน้า ควรหลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์ลงบนรอยเข็มโดยตรง เพื่อลดโอกาสการระคายเคืองหรือติดเชื้อ
• ยาหลังฉีด แพทย์อาจจ่ายยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) เพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงยาแก้ปวด และยาลดบวม ควรทานยาตามที่แพทย์แนะนำเพื่อช่วยบรรเทาอาการและส่งเสริมการฟื้นตัว

• การทำความสะอาด ในช่วง 3 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้รอยเข็มโดนน้ำนานเกิน 15 นาที หากต้องการล้างหน้า แนะนำให้ใช้น้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ ล้างเบาๆ หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูรุนแรงบริเวณที่ฉีด
• การประคบเย็น การประคบเย็นอาจช่วยลดบวมได้ แต่ควรทำด้วยความระมัดระวังและ ปรึกษาแพทย์ก่อน ว่าจำเป็นหรือไม่ และควรทำอย่างไร เพราะการประคบที่ไม่ถูกวิธีอาจส่งผลต่อฟิลเลอร์ได้ หากแพทย์แนะนำ ให้ประคบเบาๆ ผ่านผ้าสะอาด ไม่ควรกดแรง
• อาการบวม หลังฉีด 6-24 ชั่วโมง อาจเริ่มมีอาการบวมมากขึ้นในบางจุด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ฟิลเลอร์บางชนิดอาจทำให้รู้สึกว่าหน้าฟูขึ้น อาการบวมจะค่อยๆ ลดลงใน 7-14 วัน หลังจากนั้นจึงจะสามารถประเมินผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ได้ชัดเจนขึ้น

• หลีกเลี่ยงความร้อน งดกิจกรรมที่สัมผัสความร้อนสูงทุกชนิด เช่น การเข้าซาวน่า, สตรีม, อบไอน้ำ, การทำอาหารหน้าเตาร้อนนานๆ หรือการตากแดดจัด
• งดออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก หรือมีเหงื่อออกเยอะ
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้หน้าแดง เพราะอาจกระตุ้นให้อาการบวมเพิ่มขึ้น

• อาการบวมช้ำ จะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรติดต่อคลินิก
• การขยับใบหน้า สามารถขยับใบหน้าได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการแสดงสีหน้าหรืออ้าปากกว้างๆ อย่างรุนแรงในช่วงแรก เพราะอาจส่งผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์
• รอยช้ำ อาจยังคงเห็นได้ แต่จะค่อยๆ จางลงและหายไปภายในประมาณ 2 สัปดาห์ ไม่ควรประคบร้อน บริเวณที่ฉีด
• การคลำเจอก้อน ฟิลเลอร์บางชนิดอาจยังคลำเจอเป็นลำหรือก้อนได้ในช่วงแรก ซึ่งเป็นอาการปกติจากการบวม และจะค่อยๆ นิ่มลงและผสานกับผิวในช่วง 2-4 สัปดาห์

• อาการบวม ส่วนใหญ่จะหายไปเกือบทั้งหมด ฟิลเลอร์จะเริ่มนิ่มลงและเข้ากับผิวมากขึ้น
• การคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์ ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์รุ่นที่มีความคงตัวสูงในชั้นลึกเพื่อยกพยุง (เช่น Restylane Lyft, Juvederm Voluma) อาจยังคลำรู้สึกถึงเนื้อฟิลเลอร์ได้เมื่อกดลงไป แต่จะไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
• การใช้ชีวิต สามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงความร้อนสูงจัดบริเวณใบหน้าเป็นประจำ

• หลีกเลี่ยงหัตถการที่ใช้ความร้อน แนะนำให้งดการทำทรีตเมนต์หรือเลเซอร์ที่ใช้ความร้อนลงสู่ผิวชั้นลึกบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ (เช่น RF, Thermage, Ulthera, HIFU บางชนิด) อย่างน้อย 1 เดือนหลังฉีด เพราะความร้อนอาจส่งผลกระทบต่อฟิลเลอร์ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการอื่นๆ
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ฟิลเลอร์คงสภาพและดูอิ่มฟูได้นานขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์ HA เป็นสารที่อุ้มน้ำ การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยให้ผลลัพธ์ดูดีและยาวนาน

• การจัดการความปวด หลังยาชาหมดฤทธิ์ (ประมาณ 3 ชั่วโมงหลังฉีด) อาจรู้สึกปวดหรือระบมได้ สามารถทานยาแก้ปวด เช่น Paracetamol ตามที่แพทย์แนะนำ (ทุก 4-6 ชั่วโมง) หากปวดมาก อาจปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาแก้ปวดกลุ่มอื่น (เช่น NSAIDs อย่าง Ibuprofen) แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและแจ้งประวัติการแพ้ยาเสมอ
• ท่านอน ควรนอนในห้องที่อากาศเย็นสบาย (ประมาณ 18-23 °C) และ นอนหงาย หนุนหมอนสูง อย่างน้อย 2 ใบ ให้ศีรษะสูงกว่าระดับหน้าอก เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด อาจใช้หมอนข้างช่วยประคองลำตัวเพื่อไม่ให้นอนตะแคงทับใบหน้าโดยไม่รู้ตัวในช่วง 2-3 คืนแรก

ข้อปฏิบัติ หลังฉีด 1 ชั่วโมง แกะพลาสเตอร์ออกได้ อาการบวม แดง เขียวช้ำ อาจเกิดได้ จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน หากไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
คำแนะนำ นอนหมอนสูง หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงทับ ทานยาตามแพทย์สั่ง
ข้อควรระวัง ห้ามขยี้ตา เกา หรือกดนวด บริเวณใต้ตาเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อักเสบ และอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน

ข้อปฏิบัติ หากปวด ทานยาแก้ปวดได้ หากบวมมากผิดปกติ ควรปรึกษาคลินิก ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการประคบเย็น (หากจำเป็น)
ข้อควรระวัง ห้ามกด นวด แกะ หรือเกา บริเวณร่องแก้ม ลดการขยับใบหน้ามากๆ (เช่น หัวเราะ หรือยิ้มกว้างๆ) ในช่วง 3 วันแรก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงจัด 48 ชั่วโมง

ข้อปฏิบัติ ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงอาหาร/เครื่องดื่มร้อนจัด ใน 12 ชั่วโมงแรก งดใช้หลอดดูดน้ำ งดทาลิปสติก งดสูบบุหรี่
ข้อควรระวัง ห้ามจับ บีบ กดนวดริมฝีปาก ไม่ดึงหรือแกะหนังริมฝีปาก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือเผ็ดจัด

ข้อปฏิบัติ อาจมีอาการปวดตึงหรือปวดศีรษะเล็กน้อยในช่วงแรก ทานยาแก้ปวดได้

ข้อควรระวัง ห้ามกด นวด หรือสัมผัสแรงๆ บริเวณขมับ หลีกเลี่ยงการนอนกดทับขมับในช่วงแรก

ข้อปฏิบัติ อาจปวดศีรษะเล็กน้อย ทานยาแก้ปวดได้ อยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนและเหงื่อออกมาก
ข้อควรระวัง ห้ามสัมผัส กด นวด หรือถูหน้าผากแรงๆ 24-48 ชั่วโมงแรก งดนอนราบ 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ หรือสวมหมวก/ที่คาดผมที่รัดแน่น

ข้อปฏิบัติ ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงความร้อนสูง
ข้อควรระวัง ห้ามจับ นวด กด หรือปั้นทรงคางเอง งดการเท้าคาง หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือกดทับคาง 2 สัปดาห์แรก ระวังการสวมหมวกกันน็อกที่รัดแน่น

• สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังฉีด แต่อาจมีอาการบวมร่วมด้วย อาการบวมมักค่อยๆ ลดลงใน 4-5 วัน และฟิลเลอร์จะเข้าที่สมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์

• สามารถล้างได้ แต่ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติหรืออุ่นเล็กน้อย หลีกเลี่ยงน้ำร้อนจัด เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและสูญเสียความชุ่มชื้น

• ในช่วง 14 วันแรก (อย่างน้อย 48 ชั่วโมง) แนะนำให้หลีกเลี่ยง
   - เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิด
   - อาหารร้อนจัด (หมูกระทะ, ปิ้งย่าง, ชาบู ที่ต้องนั่งหน้าเตานานๆ)
   - อาหารรสจัด/เผ็ดจัด
   - อาหารหมักดอง หรือเค็มจัด
   - อาหารน้ำตาลสูง (อาจกระตุ้นการอักเสบ)
   - การสูบบุหรี่ (ทำให้ยุบบวมช้า) แนะนำทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการอักเสบ เช่น ผัก ผลไม้ ดื่มน้ำมากๆ

• ฟิลเลอร์ HA แท้ โดยทั่วไปอยู่ได้นานประมาณ 6 – 18 เดือน หรืออาจถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเอง

• สามารถใช้ต่างยี่ห้อได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกชนิดที่เหมาะสม และแจ้งประวัติการฉีดเดิมให้แพทย์ทราบเสมอ

วิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์สามารถทำตามได้ง่ายๆ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงและทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ให้ผลการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว และสามารถช่วยปรับให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่ก่อนตัดสินใจฉีด ควรศึกษาข้อมูลและมั่นใจว่าได้รับการฉีดจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ที่ De Queens Clinic คลินิกเสริมความงามชลบุรี คลินิกเสริมความงามเพชรบุรี เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าคอยให้คำแนะนำและกำกับดูแลการฉีดฟิลเลอร์ด้วยตนเอง คลินิกของเราได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดเชื้อ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ผ่านการรับรองจาก อย. สามารถตรวจสอบได้ค่ะ

หากใครที่อยากปรับรูปหน้า หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอโบว์ได้ที่ De Queens Clinic ได้ทุกเวลา พร้อมรับโปรโมชันพิเศษมากมาย สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ De Queens Clinic ทั้งสองสาขา เรายินดีให้บริการค่ะ

Line: @dequeensclinic