ส่อง RADIESSE+ ยกกระชับ ใบหน้าคมชัด มีมิติ

ส่อง RADIESSE+ ยกกระชับ ใบหน้าคมชัด มีมิติ

Jawline คมชัด ใบหน้ามีมิติทุกมุมมอง ด้วย RADIESSE+ (เรเดียส พลัส) หัตถการเพื่อการยกกระชับและปรับโครงสร้างผิว ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ หลายคนอาจประสบปัญหาผิวตามกาลเวลา ที่เห็นได้ชัดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดเจน หรือใบหน้าดูไม่คมชัด Radiesse Plus จึงนับว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ยกกระชับ และช่วยปรับ Jawline ให้คม เห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้น ทำให้ใบหน้าดูคมชัด มีมิติมากขึ้น

นอกจากนี้ Radiesse Plus ยังสามารถช่วยเติมเต็มโครงสร้างในบริเวณที่มีปัญหา เช่น ร่องแก้มลึก ขมับตอบ หรือใต้ตาหย่อนคล้อย หลังทำใบหน้าจะรู้สึกเฟิร์มกระชับ ผิวเรียบเนียนขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเพิ่มปริมาตรใบหน้าด้วยฟิลเลอร์ (HA Filler) มากนัก แต่เน้นการยกกระชับ ปรับปรุงคุณภาพผิว และสร้างโครงสร้างใบหน้าที่คมชัดค่ะ

RADIESSE Plus คืออะไร?

RADIESSE Plus คือ สารฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายใต้ผิว (Biostimulator) ชนิดหนึ่ง ผลิตจาก CaHA (Calcium Hydroxylapatite Microspheres) หรือไมโครสเฟียร์ของแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ที่ลอยอยู่ในเจลนำพา (CMC gel) CaHA เป็นสารประกอบที่มีอยู่ในกระดูกและฟันของมนุษย์ตามธรรมชาติ จึงเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม

ในทางการแพทย์ความงาม นิยมนำ Radiesse Plus มาใช้เพื่อ

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง แน่นกระชับ และยืดหยุ่นขึ้นจากภายใน
  • ปรับโครงสร้างใบหน้า ช่วยเสริมสร้างกรอบหน้า (Jawline), โหนกแก้ม หรือคาง ให้ดูคมชัด มีมิติมากขึ้น

RADIESSE Plus มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำ เช่น US FDA (สหรัฐอเมริกา), CE Mark (สหภาพยุโรป) และ อย. ประเทศไทย (TH FDA) รวมถึงมีการใช้ในวงการแพทย์ความงามมานานหลายปี และมีงานวิจัยรองรับมากมาย Radiesse Plus ถือเป็นสารฉีดกลุ่ม Biostimulator ตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก US FDA สำหรับการฉีดเพื่อปรับแนวกรอบหน้าและคางโดยเฉพาะ

ส่วนประกอบของ RADIESSE Plus

  • CaHA Microspheres (Calcium Hydroxylapatite) เป็นสารออกฤทธิ์หลัก ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างให้เซลล์ Fibroblast มายึดเกาะ และกระตุ้นให้เซลล์เหล่านี้สร้างคอลลาเจน Type I และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้เกิดโครงข่ายพยุงผิวที่แข็งแรง
  • CMC Gel Carrier (Sodium Carboxymethylcellulose) เป็นเจลที่เป็นตัวนำพาสาร CaHA มีความหนืดและความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์คงรูปได้ดี ณ บริเวณที่ฉีด ไม่ไหลไปยังบริเวณอื่น และให้ผลการเติมเต็มโครงสร้างได้ทันทีหลังฉีด ก่อนที่เจลนี้จะค่อยๆ สลายไป
  • Lidocaine 0.3% ผสมยาชามาในตัว เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการฉีด ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายขึ้น

วิธีการทำงานของ RADIESSE Plus

เมื่อฉีด Radiesse Plus เข้าไปใต้ผิวหนังในชั้นที่เหมาะสม

  1. ผลลัพธ์ทันที (Immediate Effect) CMC เจล จะเข้าไปช่วยเสริมโครงสร้างผิวบริเวณนั้นทันที ทำให้เห็นกรอบหน้าหรือบริเวณที่ฉีดคมชัดขึ้น ผิวดูเต็มขึ้นเล็กน้อย
  2. การกระตุ้นระยะยาว (Biostimulation) เมื่อเวลาผ่านไป CMC เจลจะค่อยๆ สลายตัวไป สาร CaHA Microspheres จะเริ่มทำหน้าที่สำคัญ คือ กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจน Type I และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ เกิดเป็นเส้นใยตาข่ายโครงสร้างผิวที่แข็งแรงและหนาแน่นขึ้น
  3. ผลลัพธ์ระยะยาว โครงสร้างผิวใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น ผิวดูเรียบเนียน แน่นกระชับ ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลง ใบหน้ามีมิติและโครงหน้าคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังฉีด และจะพัฒนาต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน
สาร CaHA ที่ใช้เป็นแบบสังเคราะห์ (Synthetic CaHA) แต่มีโครงสร้างเหมือนกับสารที่มีในร่างกาย จึงมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพสูง (Biocompatible) และสามารถสลายตัวได้ตามกระบวนการเผาผลาญปกติของร่างกาย (Biodegradable)

RADIESSE Plus ช่วยอะไรบ้าง?

  • ช่วยเพิ่มหรือปรับความคมชัดให้กับโครงสร้างใบหน้า เช่น กรอบหน้า แนวกราม คาง โหนกแก้ม
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง ยืดหยุ่น แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวให้มีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน
  • ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือขมับตอบ ให้ดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น

จุดเด่นของ RADIESSE Plus

  1. High Elasticity (G’ prime สูง) มีความยืดหยุ่นและแรงยกผิวสูง ช่วยในการพยุงและต้านทานความหย่อนคล้อยของผิวได้ดี
  2. High Viscosity (ความหนืดสูง) เนื้อเจลมีความหนืดและคงตัวสูง ไม่ไหลหรือกระจายตัวไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ ทำให้ปั้นทรงหรือสร้างโครงสร้างได้ดี และเห็นผลด้านโครงสร้างทันทีหลังฉีด
  3. เจ็บน้อย มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ช่วยลดความเจ็บขณะฉีด
  4. Biostimulator กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรง เฟิร์มกระชับ และเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติจากภายใน
  5. ความปลอดภัยสูง สาร CaHA มีความเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และใช้ทางการแพทย์มานาน ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย และองค์กรระดับโลก

ฉีด RADIESSE Plus บริเวณจุดไหนได้บ้าง?

Radiesse Plus สามารถใช้ได้หลายบริเวณเพื่อยกกระชับ ปรับโครงสร้าง และกระตุ้นคอลลาเจน เช่น

  • ร่องแก้ม ช่วยลดความลึกของร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • แก้ม ช่วยยกกระชับผิวแก้มที่หย่อนคล้อย และอาจช่วยเติมเต็มแก้มตอบได้เล็กน้อย
  • ขมับ แก้ปัญหาขมับตอบหรือยุบ ทำให้โครงหน้าด้านบนดูเต็มและสมส่วนขึ้น
  • กรอบหน้า (Jawline) ช่วยสร้างแนวกรอบหน้าให้คมชัดและกระชับ ลดความหย่อนคล้อยบริเวณนี้
  • ร่องน้ำหมาก ลดริ้วรอยหรือร่องลึกบริเวณมุมปาก ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
  • แนวกราม/คาง ช่วยเสริมสร้างความคมชัดและปรับรูปทรงให้ดูดีขึ้น

ผลลัพธ์หลังทำ RADIESSE Plus อยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์ด้านการปรับโครงสร้าง (เช่น กรอบหน้าชัดขึ้น) สามารถสังเกตเห็นได้ หลังทำทันที เนื่องจากคุณสมบัติของ CMC เจล ส่วนผลลัพธ์ด้านการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นกระชับและมีคุณภาพดีขึ้น จะ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ภายในระยะเวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ หลังการรักษา และจะดีขึ้นต่อเนื่อง

ผลลัพธ์โดยรวมสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 ถึง 18 เดือน หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ การดูแลตัวเองหลังทำ และเทคนิคการฉีดของแพทย์ การดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจนได้ดี

ข้อควรรู้ก่อนฉีด RADIESSE Plus

  1. วัตถุประสงค์การใช้ Radiesse Plus เหมาะสำหรับการฉีดในชั้นลึกเพื่อปรับโครงสร้าง (เช่น Jawline, คาง, โหนกแก้ม) หรือกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง ไม่เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นตื้นเพื่อเน้นการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยตรง (skin quality) หรือฉีดเพื่อเพิ่มวอลลุ่มเนื้อเยื่ออ่อนนุ่มเหมือนฟิลเลอร์ HA ทั่วไป
  2. สภาพผิว ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรง หรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อน และปรึกษาแพทย์
  3. โรคประจำตัวและประวัติ ควรแจ้งแพทย์หากมีประวัติโรคเริม, มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นคีลอยด์ง่าย, มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
  4. การตรวจทางรังสี แจ้งแพทย์หากมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT scans บริเวณใบหน้าหลังฉีด Radiesse Plus เพราะสาร CaHA อาจมองเห็นได้ในภาพถ่ายรังสี

RADIESSE Plus ไม่เหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  2. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  3. ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบใดๆ ใน Radiesse Plus (CaHA, CMC, Lidocaine)
  4. ผู้ที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด
  5. ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายผิดปกติ หรือกำลังทานยาละลายลิ่มเลือด/ยาต้านเกล็ดเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน)
  6. ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่อาจมีผลต่อการตอบสนองของร่างกายหรือระบบภูมิคุ้มกัน (ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อน)

ทำ RADIESSE Plus มีผลข้างเคียงไหม?

หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว เช่น
  1. อาการบวม แดง หรือรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและมักหายไปเองภายใน 2-3 วัน หรืออาจถึง 1 สัปดาห์ในบางราย
  2. อาจรู้สึกตึงๆ หรือคลำเจอก้อนเล็กๆ ใต้ผิวในบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก ซึ่งจะค่อยๆ นิ่มลงและหายไปภายใน 2-4 สัปดาห์
  3. หากมีรอยช้ำ สามารถประคบเย็นใน 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นหากยังมีรอยช้ำอยู่ อาจประคบอุ่นเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนและรอยช้ำจางเร็วขึ้น (ปรึกษาแพทย์ก่อนประคบอุ่น)

ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรเตรียมตัวยังไงบ้าง?

  1. ศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ข้อดี ข้อจำกัด และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  2. เลือกคลินิกและแพทย์ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน และแพทย์มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการฉีด Radiesse Plus
  3. ปรึกษาแพทย์ แจ้งความต้องการ ปัญหาผิว ประวัติสุขภาพ ยาที่ทานประจำ เพื่อให้แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย
  4. งดหัตถการอื่น หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือบาดแผลบนใบหน้า อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด
  5. พักผ่อนเพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม
  6. ดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  7. งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด (ปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาเสมอ)
  8. งดแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด

หลังฉีด Radiesse Plus ควรดูแลตัวเองอย่างไรดี?

การดูแลตัวเองหลังทำจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และส่งเสริมให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
  1. ประคบเย็น หากมีอาการบวม แดง หรือช้ำ สามารถประคบเย็นเบาๆ ผ่านผ้าสะอาดใน 24-48 ชั่วโมงแรก
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัส ห้ามจับ บีบ นวด คลึง หรือเกา บริเวณที่ฉีดแรงๆ รวมถึงงดการขัดหน้าหรือผลัดเซลล์ผิวในช่วงแรก
  3. งดแต่งหน้า อย่างน้อย 12-24 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  4. หลีกเลี่ยงความร้อน งดกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อน เช่น ออกกำลังกายหนัก, ซาวน่า, สตรีม, ตากแดดจัด อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
  5. งดแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและลดการอักเสบ
  6. ยาบรรเทาอาการ อาจทายาหรือทานยาตามที่แพทย์แนะนำเพื่อช่วยลดอาการช้ำ (หากมี)
  7. พบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ปวดมาก มีลักษณะของการติดเชื้อ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที

อยากทำ RADIESSE Plus เลือกคลินิกไหนดี?

ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีด Radiesse Plus โดยเฉพาะ ซึ่งต้องมีความเข้าใจในโครงสร้างใบหน้าและเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง รวมถึงต้องใช้ Radiesse Plus ของแท้จากบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และสามารถให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนฉีดได้

เดอควีนส์ คลินิก คลินิกความงามเพชรบุรี และคลินิกความงามชลบุรี นำโดยคุณหมอโบว์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาหลายเคส พร้อมทีมแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย เราใช้ผลิตภัณฑ์ Radiesse Plus ของแท้จากผู้แทนจำหน่าย โดยแพทย์จะทำการเปิดกล่องใหม่และให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต่อหน้าคนไข้ก่อนทำการฉีดเสมอ ทีมแพทย์ของเรามีการอบรมและศึกษาข้อมูลเทคนิคใหม่อยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา

หากสนใจ สามารถปรึกษาแพทย์และส่งภาพเพื่อประเมินปัญหาเบื้องต้นได้ที่ Line: @dequeensclinic หมอตอบเองค่ะ