
เรื่องสิว ที่ไม่เคย “จิ๋ว” เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำให้หลายคนปวดใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวหัวช้าง ไปจนถึงรอยดำรอยแดงจากสิว ล้วนกลายเป็นปัญหากวนใจที่ไม่เคยเล็กอย่างที่คิด เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหน้าดูไม่สดใสแล้ว ยังบั่นทอนความมั่นใจในชีวิตประจำวันอีกด้วย
สิวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังตามมากวนใจในช่วงวัยทำงาน ที่สำคัญสิวมีหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสาเหตุและวิธีรักษาที่ต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้ หากไม่รู้จักและเข้าใจ “สิว” อย่างถูกต้อง อาจทำให้การดูแลไม่ตรงจุด และสิวยิ่งลุกลามหนักกว่าเดิมได้
สาเหตุหลักของการเกิดสิว มีอะไรบ้าง
สิวไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่มีหลายสาเหตุที่ทำให้สิวโผล่มากวนใจ โดยปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเกิดสิว มีดังนี้
- การอุดตันของรูขุมขน น้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมในรูขุมขน จะทำให้เกิดสิวอุดตัน (Comedone)
- เชื้อแบคทีเรีย เชื้อ Cutibacterium acnes (หรือ C. acnes เดิมชื่อ P. acnes) กระตุ้นให้เกิดการอักเสบและบวมแดง
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พบได้ในวัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือภาวะ PCOS
- ความเครียด มีผลต่อสมดุลฮอร์โมน และทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
- อาหารบางประเภท โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง หรือผลิตภัณฑ์จากนม
- การทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอ ไม่ล้างหน้าหรือล้างหน้าไม่สะอาดก่อนนอน ทำให้สิ่งสกปรกตกค้างอุดตัน
- มลภาวะและแสงแดด ฝุ่น ควัน และรังสียูวี ทำให้ผิวอักเสบง่ายและเกิดสิวซ้ำได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว เช่น สกินแคร์ที่มีส่วนผสมอุดตันรูขุมขน หรือยาบางชนิดที่กระตุ้นสิว
สิวมีกี่แบบ
1. สิวอุดตัน (Comedone)
สิวอุดตันเป็นสิวที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งมีทั้งเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน และสิ่งสกปรกรวมตัวกันสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง รวมไปถึงสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดสิวอุดตัน ได้แก่ การทานอาหารที่มีแป้ง ไขมัน หรือน้ำตาลมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนเล็กๆ โดยสิวอุดตันสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ สิวหัวปิด (สิวหัวขาว) และสิวหัวเปิด (สิวหัวดำ) หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง สิวอุดตันอาจพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้
ลักษณะของสิวอุดตัน
- มีลักษณะตุ่มนูนเล็กๆ บนผิว
- ผิวสัมผัสจะขรุขระเมื่อลูบ
- ไม่มีอาการอักเสบ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน
2. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
พัฒนามาจากสิวอุดตันที่ติดเชื้อแบคทีเรีย C. acnes จนเกิดการอักเสบ ทำให้สิวมีลักษณะบวม แดง และเจ็บมากขึ้น โดยมีตั้งแต่ตุ่มแดงเล็กๆ ไปจนถึงสิวหัวหนอง สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ที่ฝังลึกใต้ผิวหนัง
สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ เช่น การสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง พันธุกรรม การบีบหรือแกะสิว รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การนอนดึก ความเครียด หรือการกินอาหารที่กระตุ้นสิว การรักษาจึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม
ลักษณะของสิวอักเสบ
- สิวตุ่มแดง (Papule) ตุ่มนูนแดงขนาดเล็ก รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส
- สิวหัวหนอง (Pustule) มีขนาดใหญ่ขึ้น มีหัวหนองสีขาวหรือเหลือง
- สิวหัวช้าง (Nodule) ก้อนแข็งขนาดใหญ่ ลึกใต้ผิว รู้สึกเจ็บปวดมาก มักไม่มีหัวสิว
- สิวซีสต์ (Cyst) สิวอักเสบฝังลึก มีหนองขนาดใหญ่ รู้สึกเจ็บปวดมาก และรักษายาก
3. สิวหัวช้าง (Nodule)
สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบรุนแรงชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ลึกใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นก้อนนูนขนาดใหญ่ บวมแดง เจ็บปวด และมักมีหนองภายใน ก้อนสิวมักไม่มีหัวสิวชัดเจน หรือบางครั้งอาจมีหัวหนองหลายหัวรวมกัน การรักษาจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อใช้ยาเฉพาะทาง
ลักษณะของสิวหัวช้าง
- ก้อนขนาดใหญ่ นูนลึกใต้ชั้นผิวหนัง
- ไม่มีหัวสิวชัดเจน หรือบางครั้งมีหัวหนองหลายหัวรวมกัน
- อักเสบและเจ็บปวด บวม แดง และกดแล้วเจ็บ
- มีหนองภายใน ก้อนสิวมักมีของเหลวสีขาวเหลือง หรือสีน้ำตาลอ่อน
- การอักเสบรุนแรงลึกลงไปในชั้นผิวหนัง ทำให้รักษายาก
4. สิวซีสต์ (Cystic Acne)
สิวซีสต์เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนลึกและมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดตุ่มแดงขนาดใหญ่หรือก้อนนูนใต้ผิวหนัง เจ็บปวด และอาจมีหนองอยู่ภายใน มักพบได้บริเวณใบหน้า หน้าอก แผ่นหลัง และไหล่ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวที่รักษายาก จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
ลักษณะของสิวซีสต์
- ขนาดใหญ่ ก้อนนูนหรือตุ่มใหญ่กว่าสิวทั่วไป
- อักเสบและเจ็บปวด ผิวรอบๆ แดง บวม และกดเจ็บ
- อยู่ลึกใต้ผิวหนัง การอักเสบลึกถึงชั้นหนังแท้
- อาจมีหนอง หรือของเหลวข้นหนืดภายในก้อน
- มีโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวสูง
5. สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne)
สิวฮอร์โมนเกิดจากความไม่สมดุลหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน (Androgen) และเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) มากเกินไป จนทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวขึ้น
มักพบสิวชนิดนี้ในผู้หญิงวัยรุ่น หลังมีประจำเดือน ช่วงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่ (PCOS) โดยสิวที่เกิดจากฮอร์โมนมักจะเป็นสิวอักเสบรุนแรง เช่น สิวหัวหนอง หรือสิวซีสต์ ที่รักษาได้ยากและกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
ลักษณะของสิวฮอร์โมน
- มักเป็นสิวอักเสบ สิวหัวหนอง หรือสิวซีสต์ที่ลึก เจ็บเมื่อสัมผัส
- มักขึ้นบริเวณคาง กราม และแก้ม เป็นหลัก
- อาจมีสิวอุดตัน (หัวดำ/หัวขาว) ร่วมด้วย
6. สิวจากการแพ้หรือระคายเคือง (Allergic/ Irritant Acne)
สิวชนิดนี้มักเกิดจากปฏิกิริยาของผิวต่อสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง เช่น สารเคมีในเครื่องสำอาง ฝุ่นละออง หรือแม้น้ำที่ใช้ล้างหน้า ทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ คัน ร่วมกับสิวผดหรือสิวอักเสบ สำหรับการรักษาจะเน้นหลีกเลี่ยงสารก่อเหตุ และใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน พร้อมบำรุงให้ผิวแข็งแรง
ลักษณะของสิวจากการแพ้หรือระคายเคือง
- ตุ่มเล็กๆ ขึ้นเป็นกลุ่มหรือกระจายทั่วบริเวณที่สัมผัสสารก่อระคายเคือง
- อาจมีสิวผด สิวอักเสบร่วมกับอาการคัน แดง และระคายเคือง
- หากรุนแรง อาจเกิดสิวอักเสบขนาดใหญ่ สิวหัวหนอง หรือสิวซีสต์ร่วมด้วย

รักษาสิวด้วยวิธีไหนดี

ที่ De Queens Clinic มีบริการ Acne Clear เป็นโปรแกรมดูแลสิวแบบครบวงจรใน 4 ขั้นตอน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวผด สิวหัวดำ สิวเสี้ยน สิวหัวช้าง หรือสิวที่เกิดจากฮอร์โมน
โปรแกรมนี้ไม่เพียงช่วยลดสิว แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ อีกทั้งยังช่วยดูแลที่ต้นตอของการเกิดสิว เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำง่ายๆ
ขั้นตอนของ Acne Clear Program
- กดสิวอย่างถูกวิธี ช่วยกำจัดสิวอุดตันที่ต้นตอ
- ฉีดสิวเพื่อลดการอักเสบ สำหรับสิวอักเสบเม็ดใหญ่
- มาส์กหน้าเพื่อปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง เพิ่มความชุ่มชื้น
- ฉายแสง Bio Light 4 สี ช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิว
เมื่อทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้สิวค่อยๆ ลดลง รอยสิวดูจางลง ผิวหน้าเรียบเนียน ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

สิวมีหลายประเภท ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวซีสต์ สิวฮอร์โมน และสิวจากการแพ้ แต่ละแบบล้วนมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การรู้จักชนิดของสิวอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เลือกวิธีรักษาได้ตรงจุด ป้องกันการลุกลามและลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นในอนาคตได้ สำหรับใครที่พบปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า หรือหลัง ที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ฟรี และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @dequeensclinic (คุณหมอตอบเอง) หรือเข้ารับบริการแบบ Walk-in ได้ทั้ง 2 สาขา คือ สาขาชลบุรี และสาขาเพชรบุรี