ยืนหนึ่งเรื่องหน้าเด็ก

English (United Kingdom)English (United Kingdom)
ภาษาไทย (ไทย)ภาษาไทย (ไทย)
English (United Kingdom)English (United Kingdom)

7 พฤติกรรมที่ทำให้เป็น “ฝ้า กระ” โดยไม่รู้ตัว

7 พฤติกรรมที่ทำให้เป็น “ฝ้า กระ” โดยไม่รู้ตัว

การทาครีมกันแดดอาจไม่พอ เพราะต้นตอของฝ้าและกระ อาจเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ที่เรามองข้าม

เคยสังเกตกันไหมว่า แม้ไม่โดนแสงแดด หรือดูแลตัวเองมาอย่างดีแล้ว แต่ทำไมใบหน้ายังมีปัญหาฝ้า กระ มาเยือน สาเหตุนั้นเกิดจากพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำ และมักมองข้ามกัน โดยไม่รู้ตัวว่า บางอย่างอาจจะดูเล็กน้อย แต่เมื่อสะสมไปนานๆ เข้า ก็ส่งผลต่อการทำงานของเม็ดสีผิวได้อย่างชัดเจน และอาจนำไปสู่การรักษาที่ยากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้รวบรวม 7 พฤติกรรมที่ทำให้เป็นฝ้า กระ แบบไม่รู้ตัว เพื่อให้ได้รู้เท่าทัน หมั่นสังเกต และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อผิวของเราในระยะยาว

ปัญหาฝ้า กระ เกิดจากอะไร

ฝ้า กระ เกิดจากการทำงานผิดปกติของผิวหนัง ในการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสารสีชนิดหนึ่งในร่างกายของมนุษย์ ถูกสร้างจากผิวหนัง และเป็นตัวกำหนดสีผิว สีผม และขน โดยสาเหตุหลักมักเกิดจากแสงแดด เพราะเมื่อเราโดนแสงแดด หรือรังสี UV เม็ดสีเมลานินจะทำงานเพื่อกรองรังสียูวีที่มากระทบผิว ไม่ให้เกิดความเสียหายต่างๆ ตามมา ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราโดนแสงแดดมากเกินไป จะเป็นการไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง ให้ผลิตออกมาจำนวนมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นมีจุดสีเข้มขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจน จนเป็นฝ้า กระ นั่นเอง

เช็ก 7 พฤติกรรมที่ทำให้เป็น “ฝ้า กระ” โดยไม่รู้ตัว

สาเหตุของการเกิดฝ้า กระ หลายคนมักคิดถึงเพียงแสงแดด หรือพันธุกรรม แต่จริงๆ แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันหลายอย่างก็เป็นตัวการสำคัญ ที่ไปกระตุ้นให้เม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ จนกลายเป็นรอยดำ รอยคล้ำ ทำให้ผิวบาง และนำไปสู่ปัญหาฝ้า กระ ที่รักษาได้ยาก ใช้เวลานานกว่าจะจางลงได้ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว แนะหลีกเลี่ยง 7 พฤติกรรมดังต่อไปนี้

  1.  ไม่ชอบทาครีมกันแดด
    หลายคนอาจขี้เกียจ ไม่ทาครีมกันแดดจนเป็นนิสัย เพียงเพราะไม่ได้ออกไปไหน หรือไม่ได้ปะทะแสงแดดโดยตรง อาจด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น วันหยุดพักผ่อน ฟ้าครึ้ม ฝนตก หรือออกไปซื้อของแค่หน้าปากซอย จึงมองว่าไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องทาครีมกันแดด ทั้งนี้เราอาจไม่รู้ว่าแม้ไม่โดนแสงแดด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้รับรังสี UV สาเหตุนั้นเกิดจากดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสง และปล่อยรังสี UV ตลอดเวลา ไม่มีหยุดพัก อีกทั้งยังมีเรื่องของ Indirect UV การรับรังสี UV แบบทางอ้อม ซึ่งจะสะท้อนมาจากเมฆ จากโมเลกุลในอากาศ หรือแม้แต่พื้น กำแพงต่างๆ ก็สามารถมากระทบเราได้ หรือเรียกว่า “Skyview” (ทุกครั้งที่เรามองเห็นท้องฟ้า นั่นแปลว่า รังสี UV ก็กำลังมองเห็นเราเช่นกัน) ด้วยเหตุนี้ การทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยครีมกันแดดต้องมี SPF 50 PA+++ ซึ่งจะช่วยป้องกันรังสียูวีได้ครอบคลุมมากขึ้น
  2. ใช้เครื่องสำอางไม่ได้มาตรฐาน
    หยุดพฤติกรรมการสั่งซื้อครีมแบบไม่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอล์ หรือที่พบบ่อยในอีกประเภท มักจะมีส่วนผสมของสารอันตราย ที่ทำให้ผิวบาง และเข้าไปกระตุ้นให้เกิดฝ้า เช่น สารกันบูด สารปรอท ตะกั่ว และสเตียรอยด์ โดยเครื่องสำอางเหล่านี้ เมื่อเริ่มทาบริเวณผิวหนัง มักจะเห็นผลเร็ว เช่น หน้าขาว ผิวเรียบเนียนขึ้น แต่เมื่อมีการใช้ไปนานๆ ผิวจะเริ่มอ่อนแอ หน้าแพ้ง่าย ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เมื่อกระทบแสงแดดแล้ว จะทำให้เกิดฝ้า กระ ได้ง่ายกว่าปกติ อีกทั้งเมื่อมีการหยุดใช้ ผิวหน้าจะยิ่งแย่กว่าเดิม จนเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน ทำให้หน้าแดง และเริ่มมีฝ้าสะสม สำหรับในกรณีนี้ จะเป็นการรักษาที่ค่อนข้างยาก ซึ่งต่างจากฝ้าฮอร์โมน ที่มีโอกาสดีขึ้นเมื่อมีการปรับฮอร์โมนให้สมดุล
  3. สัมผัสแสงแดดเป็นประจำ โดยไม่ป้องกัน
    หลายคนอาจมองข้ามเรื่องนี้ไปไม่น้อย เพราะคิดว่าเมื่อทาครีมกันแดดแล้ว รังสียูวีจะไม่สามารถทำอะไรเราได้ จึงไม่มีการพกร่ม สวมเสื้อคลุม สวมหมวกป้องกัน ทำให้เวลาที่ต้องเผชิญแดด หรือสัมผัสแสงแดดบ่อยๆ เกิดการสะสมเม็ดสีเมลานินผิดปกติเรื่อยๆ จากการกระตุ้นซ้ำๆ ของรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่มีผลให้เซลล์เม็ดสีทำงานมากผิดปกติ จนนำไปสู่รอยคล้ำที่ลึกและชัดเจน เช่น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
    ถึงแม้ว่าผิวหนังจะมีระบบป้องกันตัวเองโดยธรรมชาติ เช่น การสร้างเม็ดสีเพิ่มเพื่อปกป้องเซลล์ผิวลึกๆ แต่หากไม่มีการใช้ครีมกันแดด หรือหลีกเลี่ยงแสงแดดที่รุนแรงร่วมด้วย โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสการเกิดความผิดปกติของเม็ดสี รวมถึงฝ้าแดด และฝ้าฮอร์โมนที่ถูกกระตุ้นด้วยแสง ทำให้รักษาได้ยากเช่นกัน
  4. นอนดึกเป็นนิสัย
    อีกหนึ่งพฤติกรรมที่มักถูกมองข้าม รู้หรือไม่? การนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพเรามากกว่าที่คิด เพราะมีผลโดยตรงต่อระบบฮอร์โมน และกลไกการฟื้นฟูของผิวในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะในช่วงเวลา 22.00 - 02.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน และโกรทฮอร์โมน ที่มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมผิว และต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ กระบวนการฟื้นฟูผิวจะชะงักลง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) เพิ่มขึ้น ซึ่งกระตุ้นการอักเสบในระดับเซลล์ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ และรอยคล้ำสะสมได้ง่ายกว่าปกติ
    นอกจากนี้ การนอนดึกยังทำให้ผิวอ่อนแอ และไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งยิ่งเป็นการไปกระตุ้นให้เม็ดสีทำงานหนักกว่าเดิม และเป็นวงจรที่ทำให้ปัญหาฝ้า กระ เรื้อรัง รักษาได้ยากในระยะยาว
  5. เครียดสะสม
    ความเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress) ไม่ได้ส่งผลเพียงต่อจิตใจ แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับเซลล์ผิวของเราอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับกลไกการทำงานของระบบฮอร์โมน และการอักเสบในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นการเกิดฝ้า กระ โดยเมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะถูกหลั่งออกมาจำนวนมาก ซึ่งมีผลกระทบหลายด้านต่อผิวพรรณ เช่น
    • รบกวนการทำงานของเมลาโนไซต์ ทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีผิวมากผิดปกติ
    • กระตุ้นกระบวนการอักเสบในผิว (Inflammation) ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดฝ้า กระ ได้ง่าย และลุกลามเร็วขึ้น
    • ทำให้ผิวอ่อนแอ บอบบาง และไวต่อแสงแดดมากขึ้น (Photoreactive Skin)
    • ส่งผลให้ร่างกายฟื้นฟูผิวได้ช้าลง โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน หากความเครียดรบกวนการนอนด้วย
  6. จ้องโทรศัพท์มือถือก่อนนอนทุกวัน
    สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต ที่เราใช้เป็นประจำ อาจนำปัญหาฝ้า กระ มาทักทายเราได้โดยไม่รู้ตัว สาเหตุนั้นเกิดจากแสงสีฟ้าในหน้าจอ (Blue Light) ที่สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้ ซึ่งจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นโครงสร้างผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ผิวหย่อนคล้อย และเข้าไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ส่งผลให้ผิวเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำฝังลึก ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย ด้วยเหตุนี้การจ้องโทรศัพท์มือถือก่อนนอนทุกวัน ก็เป็นอีกพฤติกรรมที่ทำให้เราสะสมการสร้างเมลานินที่ผิดปกติโดยไม่รู้ตัว เพราะก่อนนอนเราไม่มีการทาครีมกันแดด หรือปกป้องผิว จึงทำให้ผิวถูกทำลายจากแสงสีฟ้าโดยตรง จนกลายเป็นฝ้า กระ เมื่อสะสมต่อเนื่องจะยิ่งเป็นฝ้าบนใบหน้าชัดเจน
  7. ขัดผิวหน้าบ่อยเกินไป
    การผลัดเซลล์ผิวเป็นเรื่องที่ดี แต่หากทำบ่อยเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินความเหมาะสมกับสภาพผิว จะเป็นการทำลายเกราะป้องกันผิว เสี่ยงเกิดฝ้า กระ ซ้ำซ้อนได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผิวบางลง อ่อนแอ และไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งการขัดผิวแรงๆ หรือบ่อยเกินไป จะเข้าไปทำลายชั้นไขมันธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและป้องกันผิวจากรังสี UV ส่งผลให้ผิวอักเสบง่าย และเกิดรอยคล้ำได้ไวขึ้นเมื่อเจอแสงแดด นอกจากนี้ ผิวที่บางลงจะไม่มีชั้นผิวเพียงพอในการกรองรังสี UV จึงทำให้เกิดฝ้าแดด และรอยกระได้ง่าย แม้สัมผัสแดดเพียงระยะสั้นก็ตาม

7 วิธีป้องกัน ไม่ให้ผิวเกิดฝ้า กระ

  1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  2. เปลี่ยนจาก "ทากันแดดเฉพาะวันที่ออกไปข้างนอก" เป็น "ทาทุกวัน" เพื่อปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต หรือปัจจัยต่างๆ ที่ทำร้ายผิว ไม่ว่าจะเป็น Indirect UV รังสี UVA และ UVB หลอดไฟภายในอาคาร หรือแสงสีฟ้าจากหน้าจอ เพื่อให้สามารถปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ และควรทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมง หากต้องออกไปเผชิญแดด หรือมีเหงื่อออก
  3. หลีกเลี่ยงการโดนแสงสีฟ้าก่อนนอน
  4. การจ้องโทรศัพท์มือถือ หรือแสงสีฟ้าก่อนนอนในสภาพที่ใบหน้าเปลือยเปล่า จะยิ่งเป็นการปล่อยให้ผิวถูกทำลายต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เกิดริ้วรอย และเป็นฝ้าสะสม ด้วยเหตุนี้ ควรลดเวลาอยู่หน้าจอโดยไม่จำเป็น หรือใช้โหมดถนอมสายตา (Eye Comfort Mode) จะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าต้องรับแสงสีฟ้ามากเกินไป และอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จากที่มักใช้มือถือก่อนนอน 4-6 ชั่วโมง เปลี่ยนเป็นใช้มือถือให้เสร็จก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน จะช่วยลดเวลาในการใช้มือถือมากขึ้น
  5. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเหมาะสม
  6. ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ และเลือกส่วนผสมที่เหมาะสมกับใบหน้า ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไป หรือไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย นอกจากนี้ไม่ควรซื้อครีมหน้าใสตามเน็ตมาใช้เอง เนื่องจากอาจมีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวแพ้ หรือกัดกินสุขภาพผิวจนทำให้ผิวบอบบาง ไวต่อแสงแดด รวมถึงทำให้เกิดฝ้าบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะครีมที่มีคำโฆษณาเกินจริง ประเภทผิวขาวใน 7 วัน เห็นผลไว ส่วนใหญ่พบว่าครีมลักษณะนี้มักมีส่วนผสมของสารปรอท สเตียรอยด์ และตะกั่ว ในปริมาณมากที่สามารถทำร้ายผิวที่มากกว่าการเกิดฝ้า เพราะอาจทำให้ผิวมีผื่น ตุ่ม สิวขึ้นเต็มหน้าจนรักษาได้ยาก
  7. ปล่อยวาง หลีกเลี่ยงความเครียด
  8. หาเวลาผ่อนคลายความเครียด เช่น ออกกำลังกายเบาๆ ทำสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ อาจใช้ธรรมชาติบำบัด ฟังเพลงบรรเลงหัวใจให้สงบ เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด ความวิตกกังวล เนื่องจากเวลาที่เรารู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด หรือที่เรียกว่า คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายโดยรวม เช่น ทำให้นอนหลับยาก พักผ่อนไม่เพียงพอ ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ซึ่งทำให้ระบบภายในร่างกายรวน และส่งผลให้เมลานินทำงานผิดปกติ จนเกิดรอยฝ้า กระ ได้
  9. งดนอนดึกพักผ่อนให้เพียงพอ
  10. ควรพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน งดนอนดึก หรือจ้องโทรศัพท์ตอนกลางคืนมากเกินไป พยายามเข้านอนช่วงก่อน 5 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายได้เข้าสู่โหมดซ่อมแซมผิวเต็มที่ หากพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรเสริมการดูแลผิวด้วยวิตามิน C E และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลูต้าไธโอน และสารสกัดจากเปลือกสน
  11. ใส่ใจสุขภาพ ดูแลผิวหน้าให้ดี
  12. เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวไวต่อแสงแดด อาจดูแลด้วยครีมบำรุง หรือเติมวิตามินผิวให้สุขภาพผิวแข็งแรงมากขึ้น และอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิวแบบทางลัด อาจให้หัตถการเข้ามาช่วย เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง จะช่วยให้สุขภาพผิวดี มีผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย และผิวไม่ไวต่อแสงแดด เช่น การทรีตเมนต์บำรุงผิว การดริปวิตามิน หรือการสะกิดหน้าใส
  13. งดการปะทะแสงแดดโดยตรง
  14. ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ยิ่งช่วงเวลา 10.00 – 15.00 น. จะเป็นช่วงที่แดดแรงมาก ก่อนออกแดดทุกครั้ง ควรใช้ร่มที่ช่วยป้องกันรังสี UV สวมหมวก หรือใช้เสื้อแขนยาวปกคลุมผิว ที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ และอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกแดดทุกครั้ง 30 นาที

3 หัตถการยอดนิยม ที่ช่วยในการดูแลฝ้า กระ

  • โปรแกรม Pico Laser
    เป็นการใช้เทคโนโลยี Picosecond ที่มีความสามารถในการปล่อยพลังงานในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีความเร็วสูงสุดระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที มีความแม่นยำสูง ถูกนำมาใช้เพื่อดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะ สามารถดูแลปัญหาจุดด่างดำ ริ้วรอย รอยแดง และรูขุมขนได้ นอกจากนี้ยังนิยมนำมาใช้เพื่อดูแลฝ้า กระ โดยจะยิงเลเซอร์ เพื่อเข้าไปทำลายให้เม็ดสีใต้ชั้นผิวเกิดการแตกตัว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวหน้ากระจ่างใส ริ้วรอยลดลง รูขุมขนกระชับ หลังทำใบหน้าจะเนียนใส แต่งหน้าแล้วดูฉ่ำขึ้น สำหรับวิธีการนี้จะไม่กระทบเนื้อเยื่อบริเวณอื่นๆ ที่มีความปกติ ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดความร้อนสะสมในผิว จึงมีผลข้างเคียงน้อย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะรอยดำ รอยด่างขาว แผลเป็น และแผลตกสะเก็ดต่างๆ ได้


กราฟิก 6 ปัญหาผิวกวนใจ ที่ Pico Laser ช่วยได้


  •  โปรแกรม Depigment
    การฉีดสลายฝ้าเพื่อลดเม็ดสีเมลานิน ตัวยาได้รับการรับรองผ่าน อย. จึงทำให้มีความปลอดภัย ไม่ทำให้ผิวบางลง โดยแพทย์จะทำการฉีดเข้าไปเน้น ณ บริเวณผิวที่เป็นฝ้าก่อน จากนั้นถึงค่อยทำการฉีดบริเวณรอบๆ ใบหน้า เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้หน้าใสขึ้น นอกจากนี้ การสะกิด Depigment จะช่วยป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานินเพิ่ม สามารถลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างตรงจุด

รีวิว คุณบี รักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Depigment

  •  โปรแกรม Depigment
    การฉีดสลายฝ้าเพื่อลดเม็ดสีเมลานิน ตัวยาได้รับการรับรองผ่าน อย. จึงทำให้มีความปลอดภัย ไม่ทำให้ผิวบางลง โดยแพทย์จะทำการฉีดเข้าไปเน้น ณ บริเวณผิวที่เป็นฝ้าก่อน จากนั้นถึงค่อยทำการฉีดบริเวณรอบๆ ใบหน้า เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้หน้าใสขึ้น นอกจากนี้ การสะกิด Depigment จะช่วยป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานินเพิ่ม สามารถลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างตรงจุด

มีวิธีรักษาฝ้า ให้หายขาดหรือไม่

รักษาฝ้า กระ ได้ที่เดอควีนส์ คลินิก

แม้ว่าปัญหาฝ้า กระ จะเป็นปัญหาที่คอยกลืนกินความมั่นใจ จนส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเราเรื่อยๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มีเครื่องมือที่สามารถดูแลฝ้า กระได้หลากหลายวิธี และให้ผลลัพธ์ดีขึ้น ทั้งนี้การดูแลฝ้า กระ จำเป็นต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่องโดยแพทย์ชำนาญการ เพราะอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดในทีเดียวได้ แต่ผลลัพธ์นั้นจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฝ้าจะค่อยๆ จางลง เมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ สำหรับการดูแลฝ้าอาจมีการผสมผสานการรักษาหลายวิธีเข้าร่วมกัน ขึ้นอยู่กับคนไข้ในแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินใบหน้าคนไข้ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถส่งภาพให้แพทย์ประเมินเบื้องต้นได้ที่ @dequeensclinic (หมอตอบเอง) หรือ เข้า Walk in ได้ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ คลินิกความงามสาขาชลบุรี และคลินิกความงามสาขาเพชรบุรี

กราฟิก รีวิวคุณบีรักษาฝ้า เคลียร์ฝ้าให้เกลี้ยง แบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์ หลังทำ 1 เดือน ฝ้าตรงแก้มที่เคยชัด ตอนนี้จางลง หน้าใสขึ้น