ยืนหนึ่งเรื่องหน้าเด็ก

English (United Kingdom)English (United Kingdom)
ภาษาไทย (ไทย)ภาษาไทย (ไทย)
English (United Kingdom)English (United Kingdom)

การรักษาฝ้า มีผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนหรือไม่?

การรักษาฝ้า มีผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนหรือไม่

ฝ้า กระ ปัญหากวนใจที่หลายคนรู้สึกว่าดูแลรักษายาก แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การดูแลฝ้ามีหลากหลายวิธีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทายาภายนอก การรับประทานยาบางชนิด การเลเซอร์ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการลดเม็ดสี ถึงแม้ว่าวิธีการเหล่านี้จะช่วยในการดูแลฝ้าได้ แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากไม่ได้รับการดูแลภายใต้ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองผิวหนัง ผิวแพ้ง่ายขึ้น หรือมีผลต่อระบบอื่นๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ การดูแลรักษาฝ้าจึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาที่เลือกใช้ ความชำนาญการของผู้ให้การรักษา และสภาพผิวในแต่ละบุคคล บทความนี้จึงอยากให้ตระหนักถึงแต่ละวิธีที่ใช้ในการดูแลรักษาฝ้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ปัญหาฝ้า กระ เกิดจากอะไร

ตัวการสำคัญของการเกิดฝ้า คือเม็ดสีเมลานิน ที่สร้างจากเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งเป็นสารสีชนิดหนึ่งในร่างกายของมนุษย์ ถูกสร้างจากผิวหนัง และเป็นตัวกำหนดสีผิว สีผม และขน กล่าวคือ หากเมลานินมีจำนวนมาก ก็จะส่งผลให้ผิวดูคล้ำขึ้น แต่ในทางกลับกัน เมื่อเมลานินมีปริมาณน้อยลง ก็ส่งผลให้สีผิวดูสว่างขึ้น โดยปัญหาฝ้า กระ เกิดจากการทำงานผิดปกติของผิวหนัง ในการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ประกอบด้วยหลายปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เม็ดสีผิวถูกผลิตออกมาจำนวนมากเกินไปจนผิดปกติ ได้แก่ การโดนแสงแดด รังสี UVA และ UVB แสงสีฟ้า เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการรับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อฮอร์โมนและเข้าไปกระตุ้นการเกิดฝ้า

การรักษาฝ้า มีผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนไหม

การรักษาฝ้า มีโอกาสเกิดผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาที่เลือกใช้ ความชำนาญการของผู้ให้การรักษา และสภาพผิวในแต่ละบุคคล กล่าวคือ การรักษาบางวิธีอาจมีผลข้างเคียง เช่น ผิวแสบร้อน ผิวไวต่อแสงแดด การระคายเคือง ผิวบาง หรือมีรอยดำ ด้วยเหตุนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงดังกล่าว การรักษาฝ้าที่ดีจึงควรดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะจะสามารถประเมินอาการคนไข้ และเลือกวิธีรักษาฝ้าได้อย่างเหมาะสมกับสุขภาพผิวและร่างกายในแต่ละบุคคล


วิดีโอ การรักษาฝ้า มีผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนไหม https://www.youtube.com/shorts/teeYQvKjcqI


สำหรับผลข้างเคียงที่อาจได้รับจากการรักษาฝ้า ได้แก่

1. การใช้ยา

  • ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นยาทาเฉพาะที่ใช้ในการรักษาฝ้า มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน แต่หากใช้ในระยะยาว
    • อาจทำให้ผิวบาง และเกิดรอยด่างขาวถาวร
    • อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวหนังอักเสบ แสบร้อน หรือระคายเคืองได้
      ข้อควรรู้ ไฮโดรควิโนนเป็นยารักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น และควรระมัดระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • เทรติโนอิน (Tretinoin) เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) ชนิดทาเฉพาะที่ มีฤทธิ์ช่วยรักษาสิว และยังออกฤทธิ์ในการเร่งการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดจุดด่างดำ แต่
    • อาจทำให้ผิวแห้ง แดง ลอก ระคายเคือง
    • ผิวบางลง แสบร้อน
    • ผิวไวต่อแสงแดดได้
      ข้อควรรู้ การใช้เทรติโนอิน ควรเริ่มต้นในปริมาณน้อยและค่อยๆ เพิ่มความถี่ รวมถึงควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นและครีมกันแดด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกรูปแบบและความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิว
  • อาร์บูติน (Arbutin) สารสกัดจากธรรมชาติ ถูกนำมาใช้เพื่อลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยทั่วไปอาร์บูตินมีความปลอดภัยในการใช้งาน แต่ก็อาจมีผลข้างเคียง หากใช้ในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย หรือใช้ในปริมาณความเข้มข้นสูง
    • อาจทำให้ผิวแห้ง แดง ลอก ระคายเคือง
    • ผิวบางลง แสบร้อน
    • ผิวไวต่อแสงแดดได้
      ข้อควรรู้ การใช้เทรติโนอิน ควรเริ่มต้นในปริมาณน้อยและค่อยๆ เพิ่มความถี่ รวมถึงควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นและครีมกันแดด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกรูปแบบและความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิว
  • ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ยารักษาฝ้าบางประเภทอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งหากใช้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้
    • ผิวหนังถูกทำลายหนักกว่าเดิมได้
    • ผิวบาง เกิดการระคายเคือง
    • ผิวไวต่อแสงแดด ผิวอักเสบ เกิดผิวไหม้
    • อาจเป็นฝ้ามากขึ้น หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพผิวที่รุนแรงได้
      ข้อควรรู้ สารสเตียรอยด์ควรใช้ในปริมาณน้อยและใช้เพียงระยะสั้น ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาต้องได้รับการควบคุมจากแพทย์เท่านั้น ไม่ควรใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์เอง

2. การรักษาด้วยเลเซอร์

  • เครื่องมือเลเซอร์ เป็นการใช้คลื่นพลังงานความร้อนที่มีความเข้มข้นสูง ยิงเข้าไปยังผิวหนัง เพื่อเข้าไปทำลายให้เม็ดสีใต้ชั้นผิวเกิดการแตกตัว ช่วยลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรักษาริ้วรอย หลุมสิวต่างๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
    • อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อน ผิวแดง ผิวลอก และทำให้ผิวไวต่อแสงแดด
    • หากตั้งค่าพลังงานไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวไหม้ หรือสีเข้มขึ้นกว่าเดิมได้
    • อาจมีผิวแห้ง ลอกเป็นขุย หรือมีอาการคันระคายเคืองได้
      ข้อควรรู้ ก่อนทำการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว และรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องมีความรู้ในการปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวในแต่ละบุคคล

3. การลอกผิวด้วยสารเคมี

  • เป็นการใช้สารเคมีทาลงบนผิวหนัง เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เผยผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียนกว่าเดิม โดยการลอกผิวด้วยสารเคมีจะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวในระดับที่ควบคุมได้ ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รักษาฝ้า กระ ได้
    • อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แสบร้อน ผิวบาง และรอยดำ
    • อาจเกิดอาการบวมหลังทำได้
    • หากลอกผิวลึกเกินไป อาจทำให้เกิดแผลเป็นถาวร
      ข้อควรรู้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนทำ เพื่อประเมินสภาพผิว และเลือกประเภทของการลอกผิวอย่างเหมาะสม ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด

4. การฉีดสลายฝ้า (เมโสฝ้า)

  • เป็นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ หรือวิตามินต่างๆ ฉีดเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง (mesoderm) เพื่อลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ หากใช้ตัวยาที่ไม่ได้คุณภาพ หรือฉีดกับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
    • อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ได้
    • อาจมีรอยแดง รอยเข็ม หรืออาการบวมหลังการฉีด แต่จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
    • อาจเกิดการอักเสบ ผิวบางลง ผิวไวต่อแดด
      ข้อควรรู้ การฉีดสลายฝ้า เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากเป็นตัวยาของแท้ ที่ผ่านการตรวจสอบรับรองจาก อย. รวมถึงควรฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ หลีกเลี่ยงหมอกระเป๋า เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เจอยาปลอม ที่ทำให้เกิดอันตรายได้

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดผลข้างเคียง

การรักษาฝ้า ให้ได้ผลดีและปลอดภัย ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เพราะการรักษาฝ้าอาจไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้ การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดฝ้าซ้ำ ช่วยให้ฝ้าลดลง รวมถึงหากได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองจากผู้เชี่ยวชาญอย่างดี จะช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดผลข้างเคียงดังกล่าวได้

  1. ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนทำการรักษา
  2. หลีกเลี่ยงการซื้อยา หรือผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
  3. ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
  4. หมอกระเป๋าไม่สามารถซื้อยาแท้ที่ผ่าน อย. ได้ เนื่องจากตัวยาที่ผ่าน อย. จะมีกฎหมายยาควบคุมเอาไว้ ซึ่งตัวยาที่พบมักจะมีส่วนผสมที่อันตราย เช่น สเตียรอยด์ เป็นต้น
  5. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหลังการรักษา และควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ เป็นประจำ
  6. หากมีอาการแพ้หรือผลข้างเคียง ควรหยุดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ และปรึกษาแพทย์
  7. การรักษาฝ้าต้องใช้เวลา และความสม่ำเสมอในการดูแลรักษา แพทย์จึงมีการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด

รักษาฝ้า ด้วยวิธีไหนได้บ้าง แบบไหนที่ให้ผลลัพธ์ดี

การรักษาฝ้ามีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงได้ สำหรับวิธีรักษาฝ้าที่ได้รับความนิยม จะมีอยู่ 5 วิธี
  1. รักษาฝ้า ทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิว ด้วยโปรแกรม Pico Laser
  2. เป็นการใช้เทคโนโลยี Picosecond เพื่อเข้าไปทำลายให้เม็ดสีใต้ชั้นผิวเกิดการแตกตัว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวหน้ากระจ่างใส ริ้วรอยลดเลือนลง รูขุมขนกระชับ ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น วิธีนี้จะไม่กระทบเนื้อเยื่อบริเวณอื่นๆ ที่มีความปกติ ช่วยลดโอกาสเกิดความร้อนสะสมในผิว จึงมีผลข้างเคียงน้อย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะรอยดำ รอยด่างขาว แผลเป็น และแผลตกสะเก็ดต่างๆ
  3. ลดเม็ดสี สลายฝ้า กระ ด้วยโปรแกรม Depigment
  4. เป็นการฉีดสลายฝ้า เพื่อลดเม็ดสีเมลานิน ตัวยาได้รับการรับรองผ่าน อย. จึงทำให้มีความปลอดภัย ไม่ทำให้ผิวบาง สำหรับขั้นตอนในการทำ แพทย์จะทำการฉีดเข้าไปเน้น ณ บริเวณผิวที่เป็นฝ้าก่อน จากนั้นค่อยทำการฉีดบริเวณรอบๆ ใบหน้า เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้หน้าใสขึ้น นอกจากนี้ การสะกิด Depigment จะช่วยป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานินเพิ่ม สามารถลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างตรงจุด
  5. ฉายแสงหน้าใส ด้วยโปรแกรม Biolight
  6. การฉายแสง เพื่อบำบัดแก้ปัญหาผิว เป็นแสงที่มีความเข้มข้นสูง มีความยาวคลื่นแตกต่างกัน และมีหลากสี ประกอบด้วย สีแดง สีฟ้า สีเขียว และสีเหลือง ซึ่งแต่ละสีจะมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป สามารถเข้าไปกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิว และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด เช่น แสงสีเขียว ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยรักษารอยดำ รอยแดง เป็นต้น
  7. รักษาฝ้า ด้วยโปรแกรม Meso สะกิดหน้าใส
  8. เป็นการฉีดสารสกัดจากวิตามินต่างๆ และสารบำรุงที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เข้าไปยังผิวหนังชั้นกลาง (Mesoderm) หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ชั้นหนังแท้ (Dermis) สำหรับการฉีดเมโสสะกิดหน้าใส จะเป็นการฉีดยาจุดเล็กๆ กระจายทั่วใบหน้า คล้ายการสะกิดผิว เป็นการเข้าไปกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการซ่อมแซม มีกระบวนการผลัดผิวใหม่ และกระตุ้นการเกิดคอลลาเจน ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดเลือนลง ผิวกระจ่างใสขึ้น เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ช่วยในการฟื้นฟูและบำรุงได้อย่างล้ำลึก
  9. โปรแกรม Melasma Clear บอกลา ฝ้า กระ ใน 5 ขั้นตอน
  10. ผสมผสานการรักษา 3 อย่างลงตัว ได้แก่ เมโสเทอราปี (Mesotherapy) ลำแสงเลเซอร์ และการทำทรีตเมนต์ผลักวิตามิน พร้อมยาเข้าผิวด้วยความเย็น เป็นนวัตกรรมที่มีเฉพาะจาก De Queens Clinic ช่วยดูแลฝ้าได้อย่างตรงจุด ล้ำลึก และมีประสิทธิภาพ ทำให้ฝ้า กระ ดูจางลง ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น และมีสีผิวที่สม่ำเสมอ

มีวิธีรักษาฝ้า ให้หายขาดหรือไม่

เลือกคลินิกรักษาฝ้า ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงในการรับผลข้างเคียง และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษาฝ้ามากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ก่อนตัดสินใจรับการรักษา ควรพิจารณา
  1. คลินิกมีมาตรฐาน รักษาความสะอาดในบริเวณพื้นที่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเชื้อโรคต่างๆ
  2. คลินิกถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีเลขที่อนุญาตเปิดบริการ 11 หลัก ติดอยู่บนหน้าร้าน พร้อมชื่อและสาขาเสมอ
  3. มีแพทย์ชำนาญการ มีความรู้และประสบการณ์ในการรักษา เนื่องจากแพทย์ต้องประเมินใบหน้าคนไข้ และออกแบบการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
  4. มีบริการให้คำแนะนำฟรี ทั้งก่อนและหลังเสมอ
  5. มีการติดตามผลหลังการรักษาคนไข้


ภาพ หมอโบว์กับคนไข้หลังรักษาฝ้า


เดอควีนส์ คลินิก บริการความงาม ครอบคลุมทุกความมั่นใจ นำทีมโดยหมอโบว์ แพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านความงามมากกว่า 10 ปี และมีบริการรักษาฝ้าที่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิว ด้วยโปรแกรม Pico Laser ฉายแสงหน้าใส ด้วยโปรแกรม Biolight บอกลา ฝ้า กระ ใน 5 ขั้นตอน ด้วยโปรแกรม Melasma Clear ลดเม็ดสี สลายฝ้า กระ ด้วยโปรแกรม Depigment หรือการสะกิดหน้าใส ก็สามารถเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพต่อคนไข้ได้มากขึ้น สำหรับใครที่พบปัญหาฝ้า กระ อย่าปล่อยให้แทรกซึมเสียความมั่นใจต่อตัวเองไปเรื่อยๆ สลายฝ้าได้ ที่เดอควีนส์ คลินิกความงามสาขาชลบุรี และคลินิกความงามสาขาเพชรบุรี หรือส่งภาพให้แพทย์ประเมินเบื้องต้นได้ที่ @dequeensclinic หมอตอบเอง

รีวิว คุณบี รักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Depigment