6 ข้อควรทำ ป้องกัน “เส้นเลือดขอด”

6 สิ่ง ป้องกัน เส้นเลือดขอด

6 สิ่ง ป้องกัน เส้นเลือดขอด

เส้นเลือดขอด กันไว้ก่อนแก้!! แม้จะเป็นภัยอันตรายที่พรากทั้งความสวยงามและความมั่นใจแล้วนั้น ยังเป็นภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดดำบริเวณใกล้ชั้นผิวหนังที่ขยายตัวออกมา ทำให้เกิดอาการปวด บวมแดงบริเวณนั้นๆ ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าสาเหตุของการเกิดเส้นเลือดขอด ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรม อิริยาบถ เช่น การยืนหรือนั่งเป็นเวลานาๆ ซึ่งพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเหล่านี้ ทำให้เส้นเลือดที่ไหลลงมาหล่อเลี้ยงขาไม่สามารถไหลเวียนกลับขึ้นสู่หัวใจได้ ซึ่งอาการเช่นนี้จะส่งผลทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้

ปัจจัยที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด

  1. เพศ การเป็นเส้นเลือดขอดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย สาเหตุมาจากฮอร์โมนเพศหญิงที่ไปทำให้ผนังหลอดเลือดคลายตัวลง ส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดการรั่วของลิ้นหลอดเลือดได้
  2. พันธุกรรม ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอดจะยิ่งทำให้มีโอกาสเกิดเส้นเลือดขอดได้มากกว่าผู้อื่น
  3. อายุ การที่อายุอายุเพิ่มมากขึ้น หลอดเลือดก็เริ่มที่จะหลวมและหย่อนตัวลง เป็นเหตุให้ลิ้นหลอดเลือดทำงานได้ไม่ดี นำไปสู่การเส้นเลือดขอดได้
  4. น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ จะทำให้เกิดแรงดันบนหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งเลือดกลับไปเลี้ยงหัวใจ ส่งผลให้เกิดแรงดันที่ลิ้นหลอดเลือดสูงและเสี่ยงต่อการรั่วของเลือดมากยิ่งขึ้น
  5. อาชีพที่ต้องยืนเป็นเวลานาน เคลื่อนไหวน้อย จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอด เช่น คุณครู พนักงานต้อนรับ ช่างทำผม พนักงานฝ่ายผลิต พนักงานยืนขายของ มีแนวโน้มพบเส้นเลือดขอดได้ง่าย เพราะเลือดจะไหลได้ยากขึ้นเมื่อยืนเป็นเวลานานๆ
  6. หญิงตั้งครรภ์ ในระหว่างการตั้งครรภ์ เลือดในร่างกายของหญิงตั้งครรภ์จะเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การตึงของหลอดเลือด นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในหญิงตั้งครรภ์ที่สูงขึ้นยังสามารถทำให้ผนังกล้ามเนื้อของหลอดเลือดคลายตัวจนลิ้นเปิดปิดเลือดทำงานบกพร่องได้ด้วย

 

ซึ่งเราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอดได้ด้วยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และลดการตึงของกล้ามเนื้อ ดังนี้

วิธีการป้องกันเส้นเลือดขอด

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรง การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เช่น เต้นแอโรบิค เล่นโยคะ การเดิน เป็นต้น เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ ระบบเลือดในร่างกายมีการหมุนเวียนที่ดีขึ้น  
  2. พยายามนอนยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจ โดยใช้หมอนหนุนบริเวณปลายเท้า หรือใต้หัวเข่า ซึ่งจะช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น และลดอาการปวด และทำให้ลักษณะของเส้นเลือดขอดมีขนาดเล็กลง
  3. ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  4. บริหารข้อเท้าขณะนั่ง โดยเหยียดปลายเท้าและกระดกปลายเท้าสลับกันตามเข็มและทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูงหรือถุงเท้ารัด ๆ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก
  6. เปลี่ยนท่าทางการนั่งและยืนอยู่เสมอ โดยหลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งเป็นเวลานานๆ ให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้มีโอกาสส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

 

หลักๆ ของวิธีการป้องกันเส้นเลือดขอด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่หากผู้ที่มีเส้นเลือดขอดในระยะเริ่มแรก อยากให้รีบมารักษาตั้งแต่ระยะแรกๆที่พบเห็น โดยจะใช้วิธีการฉีดสลายเส้นเลือดขอดร่วมกับการใช้ถุงน่องทางการแพทย์ที่รักษาเส้นเลือดขอดโดยเฉพาะ หรือพันผ้ายางยืด (compression therapy) รักษาร่วมกันให้เร็วที่สุด การฉีดสลายเส้นเลือดขอด sclerosing therapy จึงเป็นวิธีการรักษาเส้นเลือดขอดที่ขาและเส้นเลือดฝอยที่ขาได้ดีที่สุดและเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้อาการเส้นเลือดขอดร้ายแรงขึ้น 

เริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพราะหากปล่อยไว้นานอาจมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ควรขยับตัวทำกิจกรรมต่าง ๆ และออกกำลังในท่าต่าง ๆ เป็นประจำ เพื่อให้ห่างไกลโรคเส้นเลือดขอดและมีสุขภาพที่แข็งแรง และหากมีอาการเจ็บปวดให้รีบมาพบแพทย์ทันที ก่อนที่จะสายไปนะคะ

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ท่านสามารถเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่อง เส้นเลือดขอด กับทีมแพทย์ “คลินิกศัลยกรรมชลบุรี De Queens Clinic” เพื่อทราบวิธีที่เหมาะกับตัวของท่าน ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line : @dequeensclinic

ไม่เจอแสงแดดบ่อย แต่ทำไมยังเป็นฝ้า กระ?

แม้ไม่ได้ตากแดดโดยตรง แต่เรายังสามารถได้รับรังสี UV ได้จาก

  • Indirect UV รังสี UV สามารถสะท้อนจากพื้นผิวต่างๆ เช่น ก้อนเมฆ, อาคาร, พื้นถนน, ผิวน้ำ มากระทบผิวเราได้ แม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม หรืออยู่ในที่ร่มแต่ยังมองเห็นท้องฟ้า ก็ยังมีความเสี่ยงได้รับรังสี UV
  • การทะลุผ่านกระจก รังสี UVA สามารถทะลุผ่านกระจกหน้าต่างได้ การนั่งทำงานริมหน้าต่าง หรืออยู่ในอาคารที่มีกระจกใส ก็ยังสัมผัสกับ UVA ได้

หน้าเป็นฝ้า กระ ทั้งที่แทบไม่ได้ออกไปไหน เพราะอะไร?

นอกจากรังสี UV จากแสงแดด (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นการเกิดฝ้า กระได้ แม้จะอยู่ในอาคารเป็นส่วนใหญ่

  1.  แสงสีฟ้าจากหน้าจอ (Blue Light) หรือ High Energy Visible Light (HEVL) เป็นแสงที่มองเห็นได้ มีความยาวคลื่นประมาณ 400-500 นาโนเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับ UVA แหล่งกำเนิดมีทั้งจากธรรมชาติ (ดวงอาทิตย์) และจากอุปกรณ์ที่เราใช้เป็นประจำ เช่น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, โทรทัศน์
     - ทำไมแสงสีฟ้าถึงทำให้เกิดฝ้า กระ? มีงานวิจัยชี้ว่าการสัมผัสแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้ลึก และอาจกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และฝ้าได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม หรือมีแนวโน้มเป็นฝ้าง่ายอยู่แล้ว
  2. หลอดไฟบางชนิด หลอดไฟบางประเภท โดยเฉพาะหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดไฟที่ให้ความร้อนสูง อาจปล่อยรังสี UVA ออกมาในปริมาณเล็กน้อย หรือปล่อยความร้อน ซึ่งความร้อนก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถกระตุ้นการสร้างเมลานินได้เช่นกัน การสัมผัสเป็นประจำ แม้ปริมาณรังสีจะไม่เท่าแสงแดด แต่ก็อาจเป็นปัจจัยเสริมได้ ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า “ไม่เจอแสงแดด ไม่ต้องทาครีมกันแดด” จึงไม่ถูกต้องนัก เพราะเรายังเผชิญกับแสงสีฟ้าและความร้อนจากหลอดไฟได้ตลอดวัน การทาครีมกันแดดที่ปกป้องได้ทั้ง UVA, UVB และอาจรวมถึง Blue Light จึงยังคงจำเป็น

ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เป็นฝ้า กระ นอกเหนือจากแสง

  • พันธุกรรม หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า กระ ก็มีแนวโน้มที่เราจะเป็นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในคนเอเชีย และกระบางชนิดอาจพบได้ตั้งแต่เด็ก ฝ้าหรือกระที่เกิดจากพันธุกรรมมักกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายแม้รักษาจนจางลงแล้ว
  • ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ มักพบใน:
     - ผู้ที่ตั้งครรภ์ (เรียกว่า Chloasma หรือ "หน้ากากแห่งการตั้งครรภ์")
     - ผู้ที่ทานยาคุมกำเนิด หรือรับฮอร์โมนทดแทน
     - ผู้ที่มีภาวะเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน อาจจางลงได้เองหลังคลอด หรือเมื่อหยุดยาคุม หรือเมื่อระดับฮอร์โมนกลับสู่สมดุล
  • ยาบางชนิด: ยาหลายชนิดทำให้ผิวไวต่อแสง (Photosensitivity) มากขึ้น ทำให้เกิดฝ้า กระ หรือจุดด่างดำได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสง แม้เพียงเล็กน้อย ตัวอย่างยา เช่น ยากันชักบางชนิด, ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (Tetracyclines, Sulfonamides), ยาขับปัสสาวะ, ยารักษาความดันบางชนิด, NSAIDs, เรตินอยด์ (ยากลุ่มวิตามินเอ), ยาต้านอาการทางจิตบางชนิด, ยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า เป็นต้น
  • เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
     - สารประกอบบางชนิดในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม, แอลกอฮอล์, สี อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ และตามมาด้วยรอยดำหรือกระตุ้นฝ้าได้ในบางคน
     - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีสารอันตราย เช่น ปรอท, สเตียรอยด์, ไฮโดรควิโนน (ในความเข้มข้นที่ไม่เหมาะสมและไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์) ซึ่งมักอวดอ้างว่าทำให้หน้าขาวใสเร็ว อาจทำลายผิวในระยะยาว ทำให้ผิวบางลง แพ้ง่าย ไวต่อแสง และเกิดฝ้าถาวร หรือรอยดำผิดปกติได้ เมื่อหยุดใช้อาจมีอาการเห่อ หรือเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจนขึ้น
  • ความเครียด เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งนอกจากส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินให้เพิ่มมากขึ้นได้ ทำให้ฝ้าดูเข้มขึ้นหรือเกิดใหม่ได้

ปกป้องผิวจากปัญหาฝ้า กระ ด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

  1.  ทาครีมกันแดดเป็นประจำ สำคัญที่สุด! เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 หรือสูงกว่า และมี PA++++ เพื่อปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้ออกแดด หรือทำงานในอาคาร (อาจเลือกชนิดที่ป้องกัน Blue Light ได้ด้วย) ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้งหรือเหงื่อออกมาก
  2. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 - 16.00 น. หากต้องออกแดด ควรใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น สวมหมวกปีกกว้าง, แว่นกันแดด, เสื้อแขนยาว หรือกางร่ม
  3. ดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรง ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว เน้นการให้ความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยลดเลือนจุดด่างดำ หรือพิจารณาหัตถการที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  4. พิจารณาเรื่องยาและฮอร์โมน หากสงสัยว่ายาที่ใช้อยู่ หรือการคุมกำเนิด อาจเป็นสาเหตุของฝ้า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนยาหรือวิธีการคุมกำเนิด (ห้ามหยุดยาเอง)
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ลดการใช้หน้าจอก่อนนอน
  6. จัดการความเครียด หากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย, ฟังเพลง, ทำสมาธิ หรือพักผ่อนหย่อนใจ
  7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้หลากสี ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (เช่น วิตามินซี, วิตามินอี) และดื่มน้ำให้เพียงพอ
  8. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีส่วนผสมที่อาจก่อการระคายเคือง ระวังผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงว่าขาวเร็วขาวไว

รักษาฝ้า กระ ที่ไหนดี?

ปัญหาฝ้า กระ อาจรักษาให้หายขาดได้ยาก โดยเฉพาะฝ้าลึกหรือฝ้าจากพันธุกรรม แต่สามารถทำให้จางลงและควบคุมไม่ให้เข้มขึ้นได้ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีหัตถการหลายอย่างที่ช่วยรักษาได้ เช่น
  • Pico Laser เลเซอร์ที่นิยมมากในการรักษาเม็ดสี สามารถทำลายเม็ดสีได้อย่างจำเพาะเจาะจง และกระตุ้นคอลลาเจน
  • Q-Switched Laser เลเซอร์อีกชนิดที่ใช้รักษาเม็ดสีได้ดี
  • หัตถการอื่นๆ เช่น การฉีดเมโสฝ้า (Mesotherapy), การทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว หรือการใช้ยาทาภายใต้การดูแลของแพทย์

การเลือกวิธีรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินชนิดของฝ้า กระ และสภาพผิว เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและได้ผลดีที่สุด

หากไม่มั่นใจว่าจะเลือกคลินิกไหน ให้ เดอควีนส์ คลินิก ช่วยดูแลได้ค่ะ เรามีบริการด้านความงามที่หลากหลาย รวมถึงโปรแกรมการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Pico Laser ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด

สำหรับใครที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และส่งภาพให้แพทย์ประเมินเบื้องต้นได้ที่ Line: @dequeensclinic หมอตอบเอง หรือสามารถเข้ารับบริการ Walk-in ได้ที่ เดอควีนส์ คลินิก ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ คลินิกความงามชลบุรี และคลินิกความงามเพชรบุรี

รักษาเส้นเลือดขอด ชลบุรี เพชรบุรี DeQueens

รักษาเส้นเลือดขอด

รักษาเส้นเลือดขอด ชลบุรี เพชรบุรี การรักษาเส้นเลือดขอดโดยวิธีการฉีดยา เป็นวิธีที่เหมาะกับเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กที่เป็นแขนงบริเวณผิวหนัง
ข้อมูลบริการเพิ่มเติม
รักษาเส้นเลือดขอด ชลบุรี เพชรบุรี  1,999 บาท จำนวนจำกัด

รักษาเส้นเลือดขอด

โปรแกรมรักษาเส้นเลือดขอด เพียง 1,999 บาท
รายละเอียดโปรโมชั่น
เส้นเลือดขอด ใส่ถุงน่องแล้วปกป้องได้จริงหรือ?

เส้นเลือดขอด ใส่ถุงน่องแล้วปกป้องได้จริงหรือ?

ปัญหาเส้นเลือดขอดนั้น แม้รักษาแล้วก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้ แพทย์จึงคิดค้นสิ่งที่เรียกว่าถุงน่องเส้นเลือดขอด เพื่อนำมาช่วยในการรักษาและป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอด
อ่านเพิ่มเติม
ถุงน่องเส้นเลือดขอดคืออะไร ทำไมต้องใส่

ถุงน่องเส้นเลือดขอดคืออะไร ทำไมต้องใส่

เมื่อกล่าวถึงการรักษาเส้นเลือดขอด หลายคนอาจได้ยินสิ่งที่เรียกว่า “ถุงน่องเส้นเลือดขอด” ที่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษานั่นเอง แต่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วถุงน่องเส้นเลือดขอดคืออะไร เหมือนกับถุงน่องทั่วไปหรือไม่ แล้วทำไมต้องใส่ จำเป็นต้องใส่ไหม?? ในบทความนี้ จะมาตอบข้อสงสัยของทุกคนกันค่ะ
อ่านเพิ่มเติม
เส้นเลือดขอดที่ขา เกิดจาก ? เช็คระยะ เส้นเลือดขอด ระดับไหนปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว

เส้นเลือดขอดที่ขา เกิดจาก ? เช็คระยะ เส้นเลือดขอด ระดับไหนปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว

เมื่อพูดถึง เส้นเลือดขอด หลายคนอาจมองว่า ไม่ได้เป็นโรค หรืออาการป่วยที่รุนแรงมากนัก เพียงแค่เกิดความไม่สวยงาม ขาไม่สวย ขาลาย
อ่านเพิ่มเติม