
เส้นเลือดขอดที่ขา
เส้นเลือดขอดที่ขา เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กวนใจสาวๆ ที่จะทำให้หมดความมั่นใจในเรื่องของความสวยงามและการแต่งตัว ทำให้ขาลาย ขาไม่สวย ไม่กล้าใส่สั้นเพราะเส้นเลือดขอด นอกจากนี้เส้นเลือดขอดยังเป็นอันตรายมากกว่าที่สาวๆคิดนะคะ สาวๆหลายคนชะล่าใจคิดว่าปล่อยไว้ก็ไม่เป็นอันตรายอะไร แต่บางครั้งเส้นเลือดขอดที่ขาก็รุนแรง และสามารถลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ และอาจส่งผลที่อันตรายกว่าที่คาดคิด มาทำความรู้จักกับเส้นเลือดขอดและวิธีการรักษาเส้นเลือดขอดกันค่ะ
เส้นเลือดขอดที่ขา คืออะไร ?
เส้นเลือดขอดที่ขา คือ ภาวะที่เส้นเลือดดำมีการขยายตัวผิดปกติในระดับเส้นเลือดดำชั้นตื้น ส่วนใหญ่หมายถึงความผิดปกติของหลอดเลือดบริเวณขา เส้นเลือดขอดมักจะมีลักษณะที่มีเส้นเลือดโป่งพองที่ขา เหมือนตัวหนอน มักมีสีเขียวหรือแดง มีลายคล้ายใยแมงมุม ทำให้เกิดความไม่มั่นใจเป็นหลัก รองลงมาคือเริ่มมีอาการปวดและมีอาการขาบวม
เส้นเลือดขอดเกิดจากอะไร?
- กรรมพันธุ์ พบว่า 70% ของผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดขอดในระดับตื้นมีคนในครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอด
- เพศ พบว่าเพศหญิงมีโอกาสเป็นเส้นเลือดขอดมากกว่าเพศชาย
- ฮอร์โมน พบว่าช่วงผู้หญิงที่มีฮอร์โมน (progesterone) ในระดับที่สูง เช่น ตอนตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่มีน้ำหนักมาก ในวัยกลางคน หรือทานยาคุมกำเนิดก็มักจะมีเส้นเลือดขอดได้
- อาชีพ ลักษณะของงานข้อนี้สำคัญมากค่ะ คนที่มีอาชีพ ยืนนาน เคลื่อนไหวน้อย ไม่ว่าจะเป็นคุณครู พนักงานต้อนรับ ช่างทำผม พนักงานฝ่ายผลิต พนักงานยืนขายของ มีแนวโน้มพบเส้นเลือดขอดได้ง่าย
เส้นเลือดขอดที่ขาปล่อยไว้ไม่รักษาอันตรายมั้ย ?
เส้นเลือดขอดหากปล่อยไว้และไม่รักษา อาจจะทำให้มีการปวดขาบริเวณนั้นๆ มีอาการบวมแดงและอักเสบ เพราะการที่มีลิ่มเลือดอยู่ในเส้นเลือดดำนอกจากจะทำให้มีการปวดบริเวณที่เป็น ซึ่งลิ่มเลือดเหล่านี้ยังจะสามารถไหลเข้าไปในเส้นเลือดดำใหญ่ และไหลเข้าไปสู่ปอด ทำให้เกิดอาการอุดตันและทำให้หัวใจทำงานผิดปกติได้ และหากอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีการรักษาเส้นเลือดขอด
รักษาด้วยวิธีการฉีดสลายเส้นเลือดขอด คือ sclerotherapy คลินิกเรามุ่งเน้นผู้ป่วยที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดในหลอดเลือดดำระบบตื้นใต้ผิวหนัง เป็นวิธีการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการฉีดยาที่มีคุณสมบัติเข้าไปทำลายผนังเส้นเลือดขอด เพื่อให้เส้นเลือดขอดตีบตันและสลายไป เป็นการรักษาที่ได้ผลดีและปลอดภัย
ข้อบ่งชี้ในการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยวิธี sclerosing therapy คือ
- เป็นเส้นเลือดขอดที่มีขนาดอยู่ระหว่าง 1-3 มิลลิเมตร
- เป็นเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร
- เป็นเส้นเลือดขอดเดี่ยว ๆ
- เป็นเส้นเลือดขอดบริเวณใต้เข่า
เพราะฉะนั้นหากสาวๆท่านใดกำลังประสบปัญหาเส้นเลือดขอดในระยะแรก และคิดว่าปล่อยไว้คงไม่เป็นอะไร ให้รีบมาพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะภัยร้ายที่มากับเส้นเลือดขอดนั้นไม่ใช่แค่หมดความมั่นใจในเรื่องของเรียวขา แต่มันคือเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก ซึ่งเส้นเลือดขอดนั้นอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ รีบมารักษาก่อนจะสายนะคะ ปัญหาเส้นเลือดขอดสามารถปรึกษาเราได้ รักษาเส้นเลือดขอดชลบุรี รักษาเส้นเลือดขอดเพชรบุรี ดูแลโดยแพทย์ผู้เชียวชาญ ประสบการณ์มากกว่า 10,000 เคส
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ท่านสามารถเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่อง เส้นเลือดขอด กับทีมแพทย์ De Queens Clinic “คลินิกรักษาเส้นเลือดขอดชลบุรี De Queens Clinic” เพื่อทราบวิธีที่เหมาะกับตัวของท่าน ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line : @dequeensclinic
ไม่เจอแสงแดดบ่อย แต่ทำไมยังเป็นฝ้า กระ?
แม้ไม่ได้ตากแดดโดยตรง แต่เรายังสามารถได้รับรังสี UV ได้จาก
- Indirect UV รังสี UV สามารถสะท้อนจากพื้นผิวต่างๆ เช่น ก้อนเมฆ, อาคาร, พื้นถนน, ผิวน้ำ มากระทบผิวเราได้ แม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม หรืออยู่ในที่ร่มแต่ยังมองเห็นท้องฟ้า ก็ยังมีความเสี่ยงได้รับรังสี UV
- การทะลุผ่านกระจก รังสี UVA สามารถทะลุผ่านกระจกหน้าต่างได้ การนั่งทำงานริมหน้าต่าง หรืออยู่ในอาคารที่มีกระจกใส ก็ยังสัมผัสกับ UVA ได้
หน้าเป็นฝ้า กระ ทั้งที่แทบไม่ได้ออกไปไหน เพราะอะไร?
นอกจากรังสี UV จากแสงแดด (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นการเกิดฝ้า กระได้ แม้จะอยู่ในอาคารเป็นส่วนใหญ่
- แสงสีฟ้าจากหน้าจอ (Blue Light) หรือ High Energy Visible Light (HEVL) เป็นแสงที่มองเห็นได้ มีความยาวคลื่นประมาณ 400-500 นาโนเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับ UVA แหล่งกำเนิดมีทั้งจากธรรมชาติ (ดวงอาทิตย์) และจากอุปกรณ์ที่เราใช้เป็นประจำ เช่น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, โทรทัศน์
- ทำไมแสงสีฟ้าถึงทำให้เกิดฝ้า กระ? มีงานวิจัยชี้ว่าการสัมผัสแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้ลึก และอาจกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และฝ้าได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม หรือมีแนวโน้มเป็นฝ้าง่ายอยู่แล้ว - หลอดไฟบางชนิด หลอดไฟบางประเภท โดยเฉพาะหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดไฟที่ให้ความร้อนสูง อาจปล่อยรังสี UVA ออกมาในปริมาณเล็กน้อย หรือปล่อยความร้อน ซึ่งความร้อนก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถกระตุ้นการสร้างเมลานินได้เช่นกัน การสัมผัสเป็นประจำ แม้ปริมาณรังสีจะไม่เท่าแสงแดด แต่ก็อาจเป็นปัจจัยเสริมได้ ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า “ไม่เจอแสงแดด ไม่ต้องทาครีมกันแดด” จึงไม่ถูกต้องนัก เพราะเรายังเผชิญกับแสงสีฟ้าและความร้อนจากหลอดไฟได้ตลอดวัน การทาครีมกันแดดที่ปกป้องได้ทั้ง UVA, UVB และอาจรวมถึง Blue Light จึงยังคงจำเป็น
ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เป็นฝ้า กระ นอกเหนือจากแสง
- พันธุกรรม หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า กระ ก็มีแนวโน้มที่เราจะเป็นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในคนเอเชีย และกระบางชนิดอาจพบได้ตั้งแต่เด็ก ฝ้าหรือกระที่เกิดจากพันธุกรรมมักกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายแม้รักษาจนจางลงแล้ว
-
ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ มักพบใน:
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ (เรียกว่า Chloasma หรือ "หน้ากากแห่งการตั้งครรภ์")
- ผู้ที่ทานยาคุมกำเนิด หรือรับฮอร์โมนทดแทน
- ผู้ที่มีภาวะเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ ฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน อาจจางลงได้เองหลังคลอด หรือเมื่อหยุดยาคุม หรือเมื่อระดับฮอร์โมนกลับสู่สมดุล - ยาบางชนิด: ยาหลายชนิดทำให้ผิวไวต่อแสง (Photosensitivity) มากขึ้น ทำให้เกิดฝ้า กระ หรือจุดด่างดำได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสง แม้เพียงเล็กน้อย ตัวอย่างยา เช่น ยากันชักบางชนิด, ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (Tetracyclines, Sulfonamides), ยาขับปัสสาวะ, ยารักษาความดันบางชนิด, NSAIDs, เรตินอยด์ (ยากลุ่มวิตามินเอ), ยาต้านอาการทางจิตบางชนิด, ยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า เป็นต้น
-
เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- สารประกอบบางชนิดในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม, แอลกอฮอล์, สี อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ และตามมาด้วยรอยดำหรือกระตุ้นฝ้าได้ในบางคน
- ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีสารอันตราย เช่น ปรอท, สเตียรอยด์, ไฮโดรควิโนน (ในความเข้มข้นที่ไม่เหมาะสมและไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์) ซึ่งมักอวดอ้างว่าทำให้หน้าขาวใสเร็ว อาจทำลายผิวในระยะยาว ทำให้ผิวบางลง แพ้ง่าย ไวต่อแสง และเกิดฝ้าถาวร หรือรอยดำผิดปกติได้ เมื่อหยุดใช้อาจมีอาการเห่อ หรือเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจนขึ้น - ความเครียด เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งนอกจากส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินให้เพิ่มมากขึ้นได้ ทำให้ฝ้าดูเข้มขึ้นหรือเกิดใหม่ได้
ปกป้องผิวจากปัญหาฝ้า กระ ด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ สำคัญที่สุด! เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 หรือสูงกว่า และมี PA++++ เพื่อปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้ออกแดด หรือทำงานในอาคาร (อาจเลือกชนิดที่ป้องกัน Blue Light ได้ด้วย) ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้งหรือเหงื่อออกมาก
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 - 16.00 น. หากต้องออกแดด ควรใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น สวมหมวกปีกกว้าง, แว่นกันแดด, เสื้อแขนยาว หรือกางร่ม
- ดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรง ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว เน้นการให้ความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยลดเลือนจุดด่างดำ หรือพิจารณาหัตถการที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- พิจารณาเรื่องยาและฮอร์โมน หากสงสัยว่ายาที่ใช้อยู่ หรือการคุมกำเนิด อาจเป็นสาเหตุของฝ้า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนยาหรือวิธีการคุมกำเนิด (ห้ามหยุดยาเอง)
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ลดการใช้หน้าจอก่อนนอน
- จัดการความเครียด หากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย, ฟังเพลง, ทำสมาธิ หรือพักผ่อนหย่อนใจ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้หลากสี ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (เช่น วิตามินซี, วิตามินอี) และดื่มน้ำให้เพียงพอ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีส่วนผสมที่อาจก่อการระคายเคือง ระวังผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงว่าขาวเร็วขาวไว
รักษาฝ้า กระ ที่ไหนดี?
- Pico Laser เลเซอร์ที่นิยมมากในการรักษาเม็ดสี สามารถทำลายเม็ดสีได้อย่างจำเพาะเจาะจง และกระตุ้นคอลลาเจน
- Q-Switched Laser เลเซอร์อีกชนิดที่ใช้รักษาเม็ดสีได้ดี
- หัตถการอื่นๆ เช่น การฉีดเมโสฝ้า (Mesotherapy), การทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว หรือการใช้ยาทาภายใต้การดูแลของแพทย์
การเลือกวิธีรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินชนิดของฝ้า กระ และสภาพผิว เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและได้ผลดีที่สุด
หากไม่มั่นใจว่าจะเลือกคลินิกไหน ให้ เดอควีนส์ คลินิก ช่วยดูแลได้ค่ะ เรามีบริการด้านความงามที่หลากหลาย รวมถึงโปรแกรมการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Pico Laser ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด
สำหรับใครที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และส่งภาพให้แพทย์ประเมินเบื้องต้นได้ที่ Line: @dequeensclinic หมอตอบเอง หรือสามารถเข้ารับบริการ Walk-in ได้ที่ เดอควีนส์ คลินิก ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ คลินิกความงามชลบุรี และคลินิกความงามเพชรบุรี